สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยที่ประชุมฯ ลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ด้วยคะแนนเสียงดังนี้
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ประชุมลงมติไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 272 ต่อ 49
2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมลงมติไว้วางใจ ด้วยคะแนนเสียง 277 ต่อ 50
3. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมลงมติไว้วางใจ ด้วยคะแนนเสียง 272 ต่อ 54
4. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ประชุมลงมติไว้วางใจ ด้วยคะแนนเสียง 272 ต่อ 54
5. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่ประชุมลงมติไว้วางใจ ด้วยคะแนนเสียง 272 ต่อ 55
6. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ประชุมลงมติไว้วางใจ ด้วยคะแนนเสียง 269 ต่อ 55
กรณีรัฐมนตรีที่จะไม่ได้รับความไว้วางใจนั้น ที่ประชุมจะต้องมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 245 เสียง
รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า ก่อนเริ่มประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกหารือก่อนเริ่มกระบวนการลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นบุคคล
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้อภิปรายทักท้วงว่า กระบวนการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากผู้เสนอญัตติยังไม่ได้อภิปรายสรุปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ดังนั้น หากจะมีการพิจารณาลงมติกันต่อไปทางฝ่ายค้านจะขอไม่ร่วมการประชุม เพราะฝ่ายค้านขอยืนยันว่าประสงค์ที่จะใช้สิทธิอภิปรายสรุป แต่ที่ไม่ได้สรุปการอภิปรายเพราะติดเงื่อนไขที่ยังเหลือผู้ที่ไม่ได้อภิปรายและยังเหลือรัฐมนตรีที่ยังไม่ถูกอภิปรายตามญัตติที่ได้ยื่นไว้
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้เสนอญัตติสรุปการอภิปรายแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ฝ่ายค้านไม่มีการสรุปอภิปรายจึงถือว่าสละสิทธิ์ ส่วนเรื่ององค์ประชุมนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดูแลให้การประชุมดำเนินการต่อไปได้แม้ฝ่ายค้านจะไม่เข้าร่วมประชุม
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันที่จะดำเนินการประชุมต่อไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
หลังการลงมติเสร็จสิ้นแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่า ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรขอความร่วมมือจากสมาชิกให้งดเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคโควิด-19, สรุปผลงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและการประชุมร่วมกันของรัฐสภาระหว่างวันที่ 1 พ.ย.62 ถึงวันที่ 28 ก.พ.63 และให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอ่านพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาฯ และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือด้วยดีก่อนสั่งปิดประชุม