นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุพรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเห็นอยู่ของทุกคนในชาติทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจไปให้ได้
"ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ผมเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังเสียงของประชาชน ประชาชนเองก็ต้องร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเคร่งครัด และฝ่ายค้านพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ นี่คือเวลาที่จะหันหน้าเข้ามาร่วมมือกัน ช่วยนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤติ" นายสมพงษ์ ระบุ"
นายสมพงษ์ ระบุว่า สถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้กำลังเผชิญปัญหาใหญ่และรุนแรงจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยความปลอดภัยของประชาชนถือเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนไว้ด้วยวิธีที่ชาญฉลาด และสร้างบาดแผลให้กับประเทศน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ผมและพรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณ การออกกฎหมายเร่งด่วน และการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์เพื่อเราจะได้ฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน" นายสมพงษ์ ระบุ
วันนี้หมอ พยาบาล และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขเป็นนักรบแนวหน้าให้กับพวกเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทุกฝ่ายในสังคมต่างช่วยสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ ขณะที่รัฐบาลก็พยายามทำงานอย่างหนักเช่นกัน แม้ว่าแนวทางการรับมือของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมายังขาดความเป็นระบบและขาดการมองปัญหาให้ครบทุกมิติ ทุกมาตรการหรือคำสั่งการล้วนเป็นการแก้ปัญหาหนึ่งแล้วสร้างอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมา
การเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา นอกจากต้องมองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาให้รอบด้านแล้ว ยังต้องคำนึงถึงมิติของการเคารพในความเป็นมนุษย์ เคารพในการมีส่วนร่วมของสังคม ยึดหลักการจัดการที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และคำนึงถึงหลักการจัดการที่ให้เกิดความยุติธรรมและทั่วถึงกับคนทุกส่วนในสังคม
"วันนี้ผมคิดว่ารัฐบาลต้องมีความเด็ดขาดและชัดเจนโปร่งใส เพื่อยับยั้งไวรัสโควิด-19 ไม่ให้ลุกลามมากจนระบบสาธารณสุขไม่สามารถรับมืออย่างเช่นในประเทศอิตาลี นั่นหมายความว่าหมอ พยาบาล ซึ่งเป็นนักรบแนวหน้าของเราต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือในการป้องกันที่พรั่งพร้อมไม่ขาดแคลนจนต้องออกมาขอรับบริจาค" นายสมพงษ์ ระบุ
สำหรับการรณรงค์เรื่อง "การสร้างระยะห่างทางสังคม" (Social Distancing) และการปฏิบัติตัวเพื่อการป้องกันตัวเองของประชาชนถือเป็นหัวใจสำคัญในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงนั้น จึงจำเป็นต้องเสริมความเข้าใจให้กระจ่างชัดและทั่วถึง เพราะถือเป็นการลงทุนป้องกันที่มีค่าใช้จ่ายน้อยสุด หากสามารถทำได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพจะส่งผลสำเร็จต่อการหยุดยั้งโรคร้าย ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด กระจายตัวออกไปได้ในวงกว้างจนเกินการควบคุม
นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจอันสืบเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ก็เป็นโจทย์ใหญ่ที่หนักหนาไม่แพ้กันที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการและแผนรองรับที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งบประมาณปี 2563 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ หากสิ่งที่รัฐบาลต้องการสามารถช่วยเหลือประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศไม่ให้จมดิ่งลงไปในเหวลึกมากกว่าที่เป็นอยู่
"ประเทศยามนี้มีปัญหาหลายสิ่งที่ถาโถมเข้ามารอบด้าน ทั้งโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาไฟป่าทางภาคเหนือ ปัญหาภัยแล้ง เป็นบทพิสูจน์ความร่วมมือร่วมใจของพวกเราคนไทยทุกคนในการเอาชนะวิกฤตการณ์ที่หนักหนาสาหัสครั้งนี้" นายสมพงษ์ ระบุ