นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนพบว่ามีเสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลายมาตรการในบางกิจการ บางอาชีพ เช่น ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม แต่ยังต้องมีมาตรการดูแลเข้มงวด เช่น ช่างทำผมต้องสวมหน้ากากอนามัย ถ้าเป็นร้านตัดผมชาย ต้องงดเว้นการให้บริการโกนหนวด กันหน้า การตัดขนจมูก การแคะหู การล้างตา ร้านเสริมสวยสตรี ควรละเว้นการเสริมสวยใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดสารคัดหลั่งได้ ทั้งร้านตัดผมและร้านเสริมสวยควรทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ให้ปลอดเชื้อ ควรจัดที่นั่งให้ลูกค้าระหว่างนั่งรอรับบริการในร้าน มีการเว้นระยะห่าง หรือใช้วิธีนัดหมายลูกค้าล่วงหน้าทางโทรศัพท์ เพื่อป้องกันความแออัด
นอกจากนั้นประชาชนยังอยากให้ผ่อนคลายมาตรการสำหรับร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารเล็กๆ ตามข้างทาง หรือร้านเล็กๆ ในชุมชนที่มีเพียง 2-3 โต๊ะ ให้ลูกค้านั่ง รวมถึงร้านอาหารขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ต้องมีการจัดโต๊ะเก้าอี้ให้มีระยะห่างตามที่ทางการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า หากรัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการทั่วประเทศต้องมั่นใจว่าเอาอยู่ ไม่ปล่อยให้สถานการณ์กลับไปเหมือนเดิม ถ้ารัฐบาลต้องการผ่อนคลายมาตรการไม่ให้ตึงเครียดจนเกินไปอาจจะดำเนินการในบางส่วน บางอาชีพ บางกิจกรรม ให้สามารถทำได้แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ข้อกำหนด หรือคำสั่ง ที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ รวมทั้งอาจเลือกผ่อนคลายมาตรการบางพื้นที่ที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ที่ประชาชนให้ความร่วมมือกับทางราชการจนควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการแพร่ระบาดได้
อย่างไรก็ดีข้อมูลทางสาธารณสุขถือเป็นปัจจัยสำคัญในการนำมาประเมินสถานการณ์ว่าควรคลายล็อคได้หรือไม่ แค่ไหน อย่างไร เพราะเมื่อผ่อนคลายมาตรการแล้ว เราคงไม่อยากเห็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับรุนแรงขึ้นมาอีกจนต้องกลับไปล็อคดาวน์หลาย ๆ อย่างเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่การตัดสินใจว่าจะผ่อนคลายมาตรการอย่างไรขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลบนพื้นฐานปัจจัยผลกระทบทางสาธารณสุขและปัจจัยผลกระทบทางเศรษฐกิจควบคู่กันไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
"รัฐบาลควรพิจารณาด้วยความรอบคอบบนพื้นฐานข้อมูลที่รอบด้าน ทั้งข้อมูลทางด้านสาธารณสุขและข้อมูลผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา ควรทำอย่างมีกลยุทธ์" นายองอาจ กล่าว
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. กล่าวว่า ขอเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในปัจจัยที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน 4 อย่าง คือ 1.ค่าอาหารการกินในแต่ละวัน 2.ค่าน้ำประปารายเดือนฟรี 500 บาท ส่วนเกินลด 50% ทุกครัวเรือน 3.ค่าไฟฟ้ารายเดือนฟรี 1,000 บาท ส่วนเกินลด 50% เฉพาะมิเตอร์ประเภทบ้านอยู่อาศัย และ 4.ค่าบริการรายเดือนของโทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ลด 50% ทุกเลขหมาย ไม่ต้องกดสมัครใช้สิทธิ์หรือแสดงตน และฟรีอินเตอร์เน็ต 10 กิกะไบต์ทุกเลขหมาย โดยไม่ต้องกดลงทะเบียนเพิ่มเติม
"เมื่อประชาชนส่วนใหญ่หยุดพักอาศัยอยู่กับบ้านก็ทำให้เกิดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน หรือรายจ่ายในครอบครัวเพิ่มขึ้น เช่น ค่าอาหารการกิน ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ซึ่งปัจจัยทั้ง 4 มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องพักอาศัยอยู่กับบ้านทำให้รายจ่ายของครอบครัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปกติเป็นทวีคูณ เมื่อพักอาศัยอยู่ในบ้านต้องรับประทานอาหาร 3 มื้อ ต้องสั่งอาหารจากภายนอกมารับประทาน ต้องเปิดแอร์ปรับอากาศตลอดทั้งวัน มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์ ตู้เย็น และเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย มีการใช้ห้องน้ำประปามากขึ้น ใช้โทรศัพท์มือถือผ่านการโทรเข้าออก หรือใช้โซเชียลมีเดียทำงาน ติดตามข่าวสารตลอดเวลา เมื่อพี่น้องประชาชนได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลหยุดเชื้อเพื่อชาติแล้ว รัฐบาลก็ต้องช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนด้วย" นายเทพไท กล่าว