นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ส่งพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับมาแล้ว และร่างกฎหมายอื่นๆ หลายฉบับ ซึ่งในตลอดสมัยประชุมนี้ 120 วันสภาผู้แทนราษฎรจะมีงานหนักเพิ่มขึ้น และจะมีการหารือเรื่องเคอร์ฟิวเวลา 22.00-04.00 น.หากยังบังคับใช้อยู่จะพิจารณาปรับเวลาการประชุมให้เร็วขึ้น เพื่อให้เลิกประชุมก่อนถึงเวลาเคอร์ฟิว เพราะเป็นห่วงการเดินทางของเจ้าหน้าที่รัฐสภา
โดยจะมีการเชิญผู้นำฝ่ายค้านฯ หัวหน้าพรรคการเมือง และตัวแทนฝ่ายรัฐบาลมาร่วมหารือกันถึงกระบวนการประชุมสำหรับการเปิดสมัยประชุมสภาที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนในห้องประชุมนั้นจะมีการกำหนดที่นั่งสำหรับผู้ที่จะอภิปรายและผู้ที่ไม่ได้อภิปรายว่าควรนั่งจุดไหน ซึ่งขณะนี้ห้องประชุมมีความพร้อมเรื่องความปลอดภัยในการป้องกันการแพร่เชื้อ และจากการไปติดตามก่อนหน้านี้ถือว่าการจัดที่นั่งมีระยะห่างพอสมควรตามมาตรการด้านสาธารณสุข และจัดไมโครโฟนประจำสำหรับ ส.ส.แต่ละคน ไม่ใช้ร่วมกัน แต่เป็นห่วงเรื่องการลงมติที่ทุกคนต้องเข้ามาในห้องประชุมทั้งหมดพร้อมกัน ส่วนกระบวนการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกนั้นต้องเข้มงวดที่สุด และจะขอความร่วมมือไปยัง ส.ส.ทุกคนให้ลดจำนวนผู้ติดตามจากที่กำหนดไว้ 8 คน
ขณะที่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รัฐสภาจะมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจคัดกรองบุคคลเข้า-ออก รวมถึง ส.ส.เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากประธานรัฐสภามีคำสั่งว่ารัฐสภาจะต้องปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้ประสานโรงพยาบาลมาตรวจเชื้อไวรัสให้แก่ ส.ส.โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ประธานรัฐสภาได้กำชับให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เปิดสมัยประชุมแล้ว จึงได้ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการบริหารเหตุการณ์พิเศษ ตามระเบียบรักษาความปลอดภัยรัฐสภา โดยมีประธานรัฐสภาเป็นประธานกรรมการ และมีกรรมการอื่น ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้แทน, แม่ทัพภาคที่ 1 หรือผู้แทน, ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล หรือผู้แทน, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือผู้แทน เป็นต้น เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย ระงับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีแผนเผชิญเหตุตามมาตรการรักษาความปลอดภัย