นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการประชุมแกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านว่า เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 (พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน
นอกจากนี้ การออก พ.ร.ก.กู้เงิน ยังใช้ระบบคณะกรรมการ 10 คน เป็นข้าราชการประจำตำแหน่งวิชาการและอำนวยการ 5 ตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีตั้งอีก 5 คน ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติสามารถตั้งใครก็ได้ ทั้ง 10 คน มีอำนาจหน้าที่ใช้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่เป็นภาษีอากรของประชาชน แต่ไม่มีการกำหนดเงื่อนไข หรือข้อห้ามเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อาจทำให้กรรมการใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการใดไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมเพื่อหาประโยชน์ของตนเองของผู้อื่น
ขณะที่ พ.ร.ก. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา แม้มีความสำคัญเพราะเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจรุดหน้า แต่ดุลยพินิจของการปล่อยกู้อยู่ที่ธนาคารพาณิชย์ ที่มีแนวโน้มปล่อยให้ลูกค้าเดิมที่แข็งแรงอยู่แล้ว แต่ SMEs ที่ประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากโควิด ก็ยังคงเข้าไม่ถึงสินเชื่อเช่นเดิม
ส่วน พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 นั้น รัฐบาลมีแนวทางอย่างไร ไม่ใช่เอาไปช่วยพรรคพวกตนเอง หรือไปช่วยกลุ่มคนที่มีเงิน พวกเล่นหุ้น หรือกลุ่มคนที่มีความมั่นคงทางการเงินอยู่แล้ว และเกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ
"พ.ร.ก.กู้เงินนี้ ให้อำนาจ รมว.คลังเป็นผู้รับผิดชอบ นายกฯ ลอยตัว ไม่ต้องรับผิดชอบ ทั้งที่ความรับผิดชอบควรเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายกฯ จึงควรมีส่วนในการรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล เห็นว่าควรเสนอญัตติด่วนต่อสภาฯ ให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อติดตามการใช้งบประมาณตาม พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19" นายสมพงษ์กล่าว
พร้อมระบุว่า กมธ.วิสามัญ เป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพที่ฝ่ายค้านจะใช้สภาในการเป็นเครื่องมือในการติดตามการใช้งบและการดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องกับโควิดของรัฐบาล รวมทั้งกรรมาธิการชุดดังกล่าว จะครอบคลุมถึงการใช้งบประมาณ การเยียวยา มาตรการทางระบาดวิทยา มาตรการทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับโควิด
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ต้องการทราบรายละเอียดในการใช้งบประมาณ และไม่เห็นด้วยกับการที่กำหนดให้การอภิปรายใช้เวลาเพียง 3 วัน ควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการใช้จ่ายเงินที่ประชาชนต้องรับผิดชอบหนี้จำนวนมหาศาล ที่สำคัญไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะนำ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับมาพิจารณาพร้อมกันในคราวเดียว เพราะพ.ร.ก.กู้เงินแต่ละฉบับมีรายละเอียดที่ต่างกัน และเห็นว่าในส่วนของการตั้งคณะกรรมการผู้ทรงวุฒิ 11 คน เข้ามาดูแลเงินจำนวนมหาศาลของประชาชน ควรให้มีการเลือกผู้ทรงคุณวุฒิในสภา แทนการแต่งตั้งจากนายกฯ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พ.ร.ก. 3 ฉบับ ในเรื่องของหลักการและเหตุผลคนละอย่างกัน เมื่อรัฐบาลแยกมา สภาฯ ก็ต้องพิจารณาแยกทีละฉบับ ยังไม่เคยเห็นการที่แยกพ.ร.ก.มา แล้วเอามาพิจารณารวมกัน แม้จะต้องเสียเวลาไปบ้าง จำนวนเงินสูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท และเป็นประโยชน์ของประชาชน ก็ต้องยอมเสียเวลาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัฐ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การกู้เงินครั้งนี้มีความจำเป็น แต่การใช้เงินจำนวนมากไปสู่อนาคตต้องมีความเท่าเทียม โควิด-19 เป็นวิกฤติที่ต้องใช้งบประมาณมากที่สุดในการแก้ไขปัญหา กลไกสภาจึงมีความสำคัญ การให้เวลาแค่ 3 วัน ในการอภิปรายเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ควรให้เวลามากกว่านี้ อีกทั้งควรเปิดโอกาสให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา ติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณด้วย