น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือคำผกา คอลัมนิสต์ หนึ่งในสมาชิกเริ่มต้นกลุ่ม CARE ประกาศเจตารมณ์ว่า วันที่โลกทั้งใบต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบที่ลึกร้าวยาวนาน และซ้ำร้ายยังเกิดในห้วงเวลาที่ประเทศไทยตกต่ำ อ่อนแอในแทบทุกมิติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์คำถามใหญ่ในสังคมไทยวันนี้ คือประเทศไทยเราจะก้าวเดินต่อไปอย่างไรกัน เพราะวันนี้ประเทศไทยเหมือนตกอยู่ในกับดักที่ไร้ทางออก ทุกปัญหาโยงใยกันไปหมดทั้งการเมือง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต การศึกษา การเกษตร สุขภาพ สังคม และความเหลื่อมล้ำ ทั้งหมดทั้งปวงล้วนส่งผลกระทบต่อความหวังของประชาชน แล้วเราจะฟื้นคืนความหวังให้กลับมาได้อย่างไร โดยเชื่อว่าหัวใจสำคัญในการตอบคำถามใหญ่นี้ อยู่ที่คำเล็กๆ 3 คำคือ คิด-เคลื่อน-ไทย
"คิด"คือการรุกระดมทุกมันสมอง ผนึกทุกความคิดมาช่วยกันหาทางออกของปัญหาต่างๆ อย่างสร้างสรรค์
"เคลื่อน"คือสร้างเครือข่ายให้ทุกคน ในทุกภาคส่วน เข้ามาร่วมกัน เคลื่อน และขับดันให้เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สุขภาพ และศิลปวัฒนธรรม สามารถฟื้นฟูและพัฒนา เพื่อรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย
"ไทย"ประเทศอันเป็นที่รักของเรา ก็จะกลับมาเป็นประเทศที่ทุกผู้คนมีความหวัง มีสิทธิและศักดิ์ศรี มีเสรีภาพในการแสดงออก ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของประเทศ เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
กลุ่ม CARE คือกลุ่มคนจากหลากหลายวงการ หลากหลายสาขาวิชาชีพ หลากหลายประสบการณ์และหลากหลายวัย ที่ "ห่วงใย" ต่ออนาคตของประเทศนี้ เราจะระดมคลังสมอง ขยายเครือข่าย เปิดพื้นที่สร้างความร่วมมือใหม่ให้ทุกคนมาร่วมกัน "คิด-เคลื่อน-ไทย" เพื่อสร้างความเป็นไปได้นับล้านๆ ในการขับเคลื่อนประเทศอันเต็มไปด้วยศักยภาพของเรา ให้สามารถกลับไปหยัดยืนสง่างาม มีศักดิ์ศรี เคียงข้างอารยะประเทศอีกครั้ง
สำหรับสมาชิกเริ่มต้นของกลุ่ม ประกอบด้วย นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลีอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย, น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือคำผกา คอลัมนิสต์, นางวีรพร นิติประภา นักเขียนซีไรต์, , นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสายงานวิจัย บล.ภัทร ขาดเพียงนายพริษฐ์ รักตพงศ์ไพศาล บุตรชายนายพงษ์ศักดิ์ รัตนพงศ์ไพศาล อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ที่ไม่ได้มาร่วมงานเปิดตัวครั้งนี้
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราเริ่มต้นจากการเห็นปัญหาของประเทศ แล้วรวมตัวคนจากคนหลายๆ คนเข้ามา ขณะนี้กลุ่ม CARE มีสมาชิกอยู่ 30-40 คนแล้ว
"เราเริ่มต้นจากความคิดที่เป็นบวก เริ่มต้นจากความสร้างสรรค์ มากกว่าการทำลาย เน้นหาคำตอบ และหาทางออกให้กับประเทศ ต้องเป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่เพ้อฝัน และต้องสานฝันให้เป็นจริง เมื่อครั้งเราเป็นรัฐบาล เราถูกสบประมาท และดูถูกเรื่องการเอาเงินงบประมาณมาจากไหน แต่เราก็ทำสำเร็จมาแล้ว เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ดังนั้นในยามที่บ้านเมืองประสบวิกฤต เราก็หวังว่า จะมาร่วมแบ่งปัน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหาของสังคม ทำงานร่วมกับรุ่นน้อง รุ่นลูกรุ่นหลาน และสมาชิกสังคม ที่ปรารถนาดีร่วมความเชื่อในศักยภาพของคน ของประชาสังคม ในครั้งนี้"
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า การเกิดกลุ่มนี้เพื่อหวังว่าจะเป็นพื้นที่แสดงออกและร่วมทำสิ่งดีดีให้เกิดขึ้นในสังคม นับจากวันนี้เราเริ่มต้นก้าวเดิน และเคลื่อนไปทุกที่ที่ประชาชนอยู่ ไปหาประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อดึงความร่วมมือทุกคนมาช่วยกันคิดช่วยกันขับเคลื่อนสังคมไทย
"พวกเรายึดมั่นในประชาชน และพลังพลเมือง เราเชื่อว่าจะสะท้อนความต้องการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้"
นายดวงฤทธิ์ กล่าวว่า ตนเองเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย กระบวนการคิด และความคิดของคนไทยนี่เองที่จะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้ จึงเข้ามาร่วมกลุ่มแคร์ และเชื่อว่าเราจะสามารถระดมความคิดเพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศได้