นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนชื่อร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ เป็นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนไม่เกิดความเข้าใจที่ผิดพลาดเรื่องการกระทำผิดในการลงประชามติ ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชนออกมาลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่อย่างกว้างขวาง
พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้แก้ไขระยะเวลาเผยแพร่ผลการสำรวจจาก 7 วันเหลือเพียง 3 วัน โดยแก้ไขเป็นว่าผู้ใดเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการออกเสียงในระหว่างเวลา 3 วันก่อนวันออกเสียงจนถึงเวลาสิ้นสุดการออกเสียงในวันออกเสียงต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดเสรีภาพในการทำโพลจึงไม่จำกัดในการทำแต่จำกัดระยะเวลาการเผยแพร่
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ยังเห็นชอบให้ผ่อนคลายบทลงโทษในบางความผิดที่กำหนดไว้สูงเกินไปให้ปรับโทษให้น้อยลง โดยได้ปรับบทลงโทษในมาตรา 9 ตั้งแต่(1)-(5) ให้มีโทษน้อยลงคือให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับหรับผู้กระทำความผิดตาม (6) (7) (8)ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท
ส่วนความผิดที่กำหนดโทษหนักขึ้นกรณีกระทำผิดตาม(1) (2) (3)และ(4) หากผู้กระทำความผิดเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท โดยให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีนั้น ที่ประชุมเห็นควรปรับปรุงใหม่เป็นผู้กระทำการตามวรรคหนึ่งนอกจากต้องระวางโทษตามวรรคสองแล้วศาลอาจมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 5 ปีก็ได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--