นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หลังประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเป็นเวลา 29 วันต่อเนื่องกันแล้ว โดยรัฐบาลเคยอ้างตามข้อมูลทางระบาดวิทยาในการอธิบายต่อประชาชนว่า หากมีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ในระยะเวลาต่อเนื่องกัน 2 เท่าของระยะฟักตัวหรือ 28 วัน จะถือว่าไม่มีความเสี่ยงในการระบาด ซึ่งย่อมต้องหมายความว่าความจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายในภาวะฉุกเฉินยุติลงแล้วอย่างสิ้นเชิง
"ขอให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อคำพูด เมื่อไร้เหตุฉุกเฉินแล้วต้องรีบยกเลิก ส่วนการบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 ยังคงดำเนินการต่อไปได้ด้วยความระมัดระวังภายใต้กฎหมายปกติ เพื่อคืนสภาวะปกติให้ประชาชน เนื่องจากปัจจุบันยังคงผู้ประกอบการขนาดเล็กจำนวนมากได้รับผลกระทบและไม่ได้รับการปลดล็อคด้วยคำสั่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การคืนภาวะปกติจะเป็นการจัดสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสุขภาพให้เดินไปด้วยกันได้" นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า การคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แตกต่างจากกฎหมายปกติด้วยข้อกังวลสำคัญคือการเปิดทางอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจริดรอนประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิด และทำให้มองได้ว่า รัฐบาลไม่ได้การจัดการวิกฤตโควิด-19 ตามสภาพปัญหาขึ้นจริง ไม่ได้ตัดสินใจบนเหตุผลด้านสาธารณสุขอย่างที่อ้างมาตลอด
ส่วนการที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อ้างว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอและและเร็วเกินไปที่จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาในคณะรัฐมนตรี และให้เป็นการตัดสินใจของที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กในวันที่ 25 มิ.ย.63 และ ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 26 มิ.ย.63 เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อยื้อเวลาออกไปและสะท้อนอาการเสพติดอำนาจเท่านั้น
"รัฐบาลต้องจัดการสถานการณ์มุมมองที่กว้างขึ้น สามารถนำ พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาใช้แทนได้ ซึ่งการที่รัฐบาลยังยื้อเวลาเอาไว้นับเป็นอาการเสพติดอำนาจอย่างหนึ่งที่ชอบให้ประชาชนมาร้องขอ อ้อนวอนให้ความเมตตา สังเกตได้ว่า กว่าจะมีมาตรการคลายล็อกแต่ละครั้ง ประชาชนต้องมาเรียกร้องกันอย่างกว้างขวางถึงจะยอม ถึงวันนี้ยังมีผู้ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาอีกมาก โดยเฉพาะแรงงานในระบบ จึงขอถามแทนพวกเขาด้วยว่ารัฐบาลจะดูแลพวกเขาอย่างไร" นายพิธา กล่าว