นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีการทุจริตเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ว่า พยานหลักฐานกำลังทยอยเปิดออกมาอย่างต่อเนื่องสะท้อนว่าการเลือกตั้งดังกล่าวมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นคลิปซื้อเสียงกลางวันแสกๆ โดยมีหน่วยงานราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น กกต.ควรเร่งสืบสวนเรื่องนี้เพราะมีชื่อคนในคลิปชัดเจนการตามหาตัวคงไม่ยาก และพยานก็อยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งตนพร้อมให้ข้อมูลในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ขณะที่การเปิดเผยเอกสารการจดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งและเลขบัตรประชาชนเข้าข่ายนำไปลงคะแนนแทนกันนั้น กกต.จะต้องไปตรวจสอบว่ามีการจดรายชื่อไปทำโพลล์สำรวจตามที่ระบุในเอกสารจริงหรือไม่ แต่เบื้องต้นพบว่ามี 4 คนในรายชื่อทั้ง 30 คนไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด ซึ่ง กกต.จะต้องตรวจสอบว่าในวันเลือกตั้งซ่อมมีผู้ไปใช้สิทธิแทนบุคคลทั้ง 4 หรือไม่ โดยการใช้อำนาจเปิดหีบบัตรเลือกตั้งตรวจสอบว่ามีการสวมรอยหรือมีผีไปเลือกตั้งแทนหรือไม่
ส่วนการที่ กกต.พยายามชูประเด็นเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่าเป็นการเลือกตั้งแบบ New Normal นั้น นายสมชัย กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นการเลือกตั้งที่มีจุดอ่อน เพราะคนมาใช้สิทธิต้องสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดการทุจริตเลือกตั้งแฝงมากับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุม กกต.วันอังคารหน้า (30 มิ.ย.) อย่าให้เห็นว่า กกต.มีมติว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีเหตุอันควรสงสัยตามที่มีการร้องเรียนเพื่อประกาศผลการเลือกตั้งให้ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.ไปก่อน เพราะทุกเรื่องควรได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน ไม่ใช่ปัญหาแค่ในพื้นที่ แต่เป็นปัญหาโดยภาพรวมในการจัดการเลือกตั้งทั้งหมด
"จากประสบการณ์ที่เคยเป็น กกต.หากสอบสวนแล้วว่ามีมูลความผิดจริง โทษต่ำสุดคือใบเหลือง สั่งให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ หากสาวไปถึงตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากเป็นผู้สมัครด้วยก็อาจจะถึงใบส้มหรือใบแดง ถูกตัดสิทธิเลือกตั้งได้" นายสมชัยระบุ
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่านายสมชัยจะเปิดเผยข้อมูลการเลือกตั้งซ่อมลำปางอีกชุด ซึ่งอาจจะมีผลถึงขึ้นต้องยุบพรรคการเมืองบางพรรคได้