ที่ประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐมีมติเป็นเอกฉันท์เลือก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทนนายอุตตม สาวนายน โดยไม่มีการเสนอชื่อผู้อื่นมาแข่งขันชิงตำแหน่ง พร้อมทั้งเลือกนายอนุชา นาคาศัย เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ แทนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารๆ ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นายวิรัช รัตนเศรษฐ , นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายสุชาติ ชมกลิ่น, นายอิทธิพล คุณปลื้ม, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, นายสุพล ฟองงาม, นายพงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ, นายชาญวิทย์ วิภูศิริ, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์, นายนิโรธ สุนทรเลขา, นายไผ่ ลิกค์, นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ, นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์, นายสุรชาติ ศรีบุศกร, นายนิพันธ์ ศิริธร, นายประภาพร อัศวเหม และ นายสกลธร ภัททิยกุล
ขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค และ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคของ พล.อ.ประวิตรครั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร เป็นผู้วางยุทธศาสตร์ทั้งหมด เท่ากับว่าศึกภายนอก พล.อ.ประวิตร สามารถทำประสบความสำเร็จแล้ว และเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้จำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง กล้าตัดสินใจในการเดินหน้าประเทศ เพราะประเทศบอบช้ำมามากพอแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาผู้นำของพรรคพลังประชารัฐ มีปัญหาที่สื่อมวลชนรู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นในเวลานี้จำเป็นจะต้องมีผู้นำที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งเดียว
ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะมีการตั้งให้เป็นรองหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า เป็นหน้าที่ของว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่จะมีการแก้ไขข้อบังคับพรรคเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับหัวหน้าพรรคสามารถแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคได้ แต่วันนี้ที่ประชุมมีการเลือกตั้งเพียง 4 ตำแหน่งเท่านั้น กรรมการบริหารพรรคอื่นๆยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม และเชื่อว่าการเพิ่มอำนาจให้หัวหน้าพรรคครั้งนี้จะไม่สร้างปัญหาในอนาคต เพราะหัวหน้าพรรคมาจากการเลือกตั้ง สมาชิกพรรคได้มอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้ตัดสินใจตามระบบประชาธิปไตย
สำหรับปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หรือ กลุ่ม 4 กุมาร นั้น ยืนยันว่า ส่วนตัวยังคงเหมือนเดิมกับทุกคนในพรรค เพราะเป็นลูกผู้ชาย ขณะที่เชื่อว่าอดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค และอดีตกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า มีความเป็นสุภาพบุรุษพอ และเชื่อว่าหากจะไปจากพรรคก็คงยินดีไปเองไม่มีใครบังคับ ซึงการเข้ามาเล่นการเมืองเมื่อถึงเวลาไปก็ต้องไป เป็นเรื่องของสิทธิแต่ละท่าน
ส่วนเรื่องนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีหรือไม่ เรื่องการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
"การเมืองก็แค่เวทีละคร มีประชาชนเป็นผู้กำกับ"ร.อ.ธรรมนัส กล่าว