พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดแถลงข่าวพร้อมแสดงยหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 4 จังหวัดลำปางเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. พบการทุจริตมี 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มแรก ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นกลาง ซึ่งประชาชนให้ข้อมูลว่าผู้ที่ทุจริตส่วนใหญ่เป็นหัวคะแนนและเจ้าหน้าที่รัฐ มีทั้ง อสม. กำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดำเนินการ โดยมีการซื้อเสียงมากที่สุดหัวละ 300 บาท
กลุ่มที่ 2 รัฐมนตรีที่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง รวมถึงรองนายกรัฐมนตรี สัญญาว่าจะให้ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ไปตรวจราชการในช่วงที่มีการหาเสียงหลายครั้ง รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ลงพื้นที่ก่อนการเลือกตั้งเพียง 2 วัน โดยเรียกนายอำเภอในเขตพื้นที่เลือกตั้งมาพบด้วย ซึ่งทั้งสองกรณีนำมาสู่การสัญญาสร้างโครงการในพื้นที่จังหวัดลำปางมากถึง 12 โครงการ นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างถนน การจัดสรรที่ดินทำกิน
นอกจากนี้ก่อนการเลือกตั้ง 5 วันได้มีการมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส ไปประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนส่งเสริมการขยายพันธุ์พืชในพื้นที่เขตเลือกตั้งจนมีการอนุมัติของบประมาณก่อสร้างโรงอบสมุนไพร หลังจากนั้นยังออกมาให้ข่าวยอมรับว่ามีการเสนอโครงการและของบประมาณเรียบร้อยแล้ว เข้าข่ายความผิด 73(2) ตามกฎหมายเลือกตั้งฐานสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เช่นเดียวกับกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดเชียงใหม่ที่เคยได้ใบส้มกรณีมอบเงินทำบุญให้วัด อีกที้งยังเข้าข่ายมาตรา 132 ฐานกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นทำให้การเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามสุจริต ถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้
ขณะนี้ได้มีการรวบรวมรายชื่อที่พร้อมจะเป็นพยานให้การถึง 25 คน และยังพบว่ากรณีการทุจริตเกิดขึ้นมากสุดที่อำเภอเสริมงามถึง 43 กรณี รองลงมาเป็นเกาะคา 23 กรณี และอำเภอสบปราบ 13 กรณี อำเภอเถิน 11 กรณี อำเภอแม่พริก 4 กรณี รวมทั้งสิ้น 99 กรณีในพื้นที่เขตเลือกตั้ง ถือว่าเป็นการซื้อเสียงกระจายในทุกพื้นที่เพื่อให้เลือกหมายเลขเดียวกัน
ส่วนการสวมสิทธิแทนกัน นายสมชัย กล่าวว่า เกิดจากมาตรการของ กกต. ให้ผู้ไปใช้สิทธิต้องสวมหน้ากากอนามัย ประกอบกับคนที่อยู่นอกพื้นที่ไม่สามารถกลับมาใช้สิทธิในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ แต่กลับมีการใช้สิทธิเลือกตั้งใกล้เคียงในข่วงเวลาปกติ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ โดยตรวจสอบพบว่ามีการนำคนนอกพื้นที่มาใช้สิทธิแทน โดยนายสมชัยได้นำคลิปเสียงของประชาชนที่ถูกสวมสิทธิมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ระบุว่ามีผู้ถูกสวมสิทธืมากถึง 60 ราย พร้อมส่งมอบคลิปเสียงดังกล่าวให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตวจสอบและส่งให้ กกต.