ศาลไม่รับฟ้องบริษัทในเครือ"ทักษิณ"กล่าวโทษคตส.สั่งอายัดทรัพย์มิชอบ

          ศาลอาญาสั่งจำหน่ายคดีบริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 5 บริษัทที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ภริยา ถือหุ้นอยู่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) และกรรมการ คตส. รวม 11 คน เป็นจำเลยในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 
          ศาลเห็นว่าคำฟ้องของ"เวิร์ธซัพพลายส์"ไม่มีมูลเพียงพอที่ศาลจะประทับรับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษาได้
          คดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.50 โดยระบุว่า การที่ คตส.มีมติและออกคำสั่งให้อายัดบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ของโจทก์ เป็นการร่วมกันใช้อำนาจโดยมิชอบ เนื่องจากบัญชีที่ถูกสั่งอายัดนั้นไม่ใช่บัญชีเงินฝากหรือทรัพย์สินบุคคล คู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณ การกระทำของคตส.เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบและร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
          ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้และนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรกในวันที่ 1 ต.ค.50 เวลา 13.30 น.
          อย่างไรก็ตาม หลังจากศาลตรวจพิจารณาคำฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ให้อำนาจ คตส.สั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องของผู้ถูกตรวจสอบ คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้นั้นไว้ก่อนได้ หาก คตส.เห็นว่าการดำเนินการในเรื่องที่ตรวจสอบมีหลักฐานอันสมควรเชื่อได้ว่ามีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ และมีพฤติการณ์ว่าบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการทุจริต หรือประพฤติมิชอบหรือร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
          การที่ คตส.ลงมติและและออกคำสั่งให้อายัดบัญชีเงินฝากดังกล่าว แม้โจทก์จะไม่ใช่ผู้ถูกตรวจสอบโดยตรง แต่ คตส.ได้มีความเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้ถูกตรวจสอบ จึงได้ลงมติและมีคำสั่งภายในขอบเขตอำนาจ หากโจทก์ซึ่งอ้างเป็นเจ้าของทรัพย์สินไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ถูกตรวจสอบก็มีสิทธิที่จะแสดงหลักฐานพิสูจน์ต่อ คตส.ได้
          ดังนั้นการกระทำของคตส.จึงไม่ปรากฏว่ามีเจตนาทุจริต หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีมูลที่ศาลจะประทับรับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษาได้ จึงพิพากษายกฟ้องและให้จำหน่ายเป็นคดีแดง