(เพิ่มเติม) "สุรยุทธ์"เชื่อประชาชนออกมาทำประชามติรับร่างรธน. เหตุอยากเห็นเลือกตั้ง

          พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์  นายกรัฐมนตรี เชื่อประขาชนจะให้ความร่วมมือการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ในวันที่ 19 ส.ค.นี้  เพราะต้องการให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว และรัฐบาลจะพยายามให้มีการเลือกตั้งในปีนี้ให้ได้ ระบุร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ไม่ต่างกับฉบับปี 2540 เพียงปิดจุดโหว่ให้มีการคานอำนาจได้มากขึ้น 
          "ในร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ผมคิดว่าในหลักการกว้างๆ คือการให้มีการคานอำนาจ มากขึ้นตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ ส่วนวิธีเลือกส.ส. หรือสว. อันนั้นยังเฉยๆ ในคความคิดการกระจายหรือให้มีการถ่วงดุลอำนาจ ให้มากขึ้นตรงนี้น่าจะดี ..ผมก็จะพยายามให้มีการเลือกตั้งปีนี้ให้ได้" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวในรายการเปิดบ้านพิษณุโลก เช้านี้ 
           ในส่วนสิทธิปัญหาการเมือง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้นซึ่งทางรัฐบาลได้เน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมาตลอด เช่นการเข้ามาแสดงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550   ส่วนสิทธิมนุษยชนก็เหมือนเดิมกับฉบับ 2540  แม้ว่าจะมีบางกลุ่มคัดคต้านร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นการเลือกตั้งมากกว่า
          นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ในส่วนภาครัฐได้พูดคุยและได้ให้แนวทางในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  ส่วนราชการที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ขอให้ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนในการออกมาแสดงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ โดยร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้มีการปรับปรุงแก้ไข จากรัฐธูรรมนูญฉบับปี 2540 โดยต้องการให้ประชาชนเห็นว่าฉบับ 2540 ซึ่งถือว่าเป็นฉบับที่ได้รับการยอมรับ 
          "เราก็พยายามมาปรับแก้ สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นป้ญหาในช่วงที่ผ่านมา ถ้าจะถามว่ามีอะไรดีก็เป็นเรื่องของประชาชน ว่าสิ่งที่เราแก้มันดีหรือไม่ดีอย่างไร ตรงส่วนนี้ประชาชนพอจะวินิจฉัยได้ และก็ดูง่ายขึ้น แล้วก็รณรงค์เพื่อจะให้ พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากขึ้น" นายกรัฐมนตรีกล่าว  
         โดยผู้ที่ได้พำนักตามทะเบียนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 10-19 ส.ค.นี้ ก็ สามารถแจงความจำนงจะใช้สิทธิเขตไหนก็ได้ในการลงประชามติ
**ประธานคมช.ลงเล่นการเมืองเป็นสิทธิส่วนตัว
          นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)จะลงสมัครรับเลือกตั้งว่า เป็นสิทธิของพล.อ.สนธิ เพราะเมื่อพ้นหน้าที่ไปแล้วก็ถือเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ส่วนจะติดเรื่องตำแหน่ง ประธาน คมช. หรือไม่ เห็นว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พล.อ.สนธิ จะแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งการที่จะให้ตนเองเปรียบเทียบผลดีผลเสียนั้นไม่สามารถทำได้
          นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า หากพล.อ.สนธิ จะลงเล่นการเมืองจริง ก็ต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกเพราะเคยเป็นทหารมาก่อน เมื่อจะมาทำงานทางการเมืองจะต้องมีการเรียนรู้พอสมควรและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง