รายงานข่าวจากพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า พรรคเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพบกยุติการจัดซื้อเครื่องบิน VIP มูลค่า 1,348.5 ล้านบาท โดยทันที เนื่องจากเห็นว่าการจัดซื้อในครั้งนี้ เป็นการจัดซื้อที่ขาดสามัญสำนึกไม่นึกถึงปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะนำเงินจากภาษีประชาชน และเงินกู้ที่จะเป็นภาระของประชาชนไปใช้ ในช่วงที่ประชาชนเกิดความยากลำบากในการดำเรงชีวิตท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19
จากที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กรมการขนส่งทหารบกได้เผยแพร่ ประกาศแผนการจัดซื้อเครื่องบินใช้งานทั่วไปขนาดกลาง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน 1 ลำ (รหัสแผนการจัดซื้อ P63070008172) ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้มีมูลค่าสูงถึง 1,348.5 ล้านบาท โดยคาดว่าจะประกาศจัดซื้อจัดจ้างในเดือนสิงหาคม 2563 ที่กำลังจะถึงนี้
และเมื่อพิจารณาจากประกาศราคากลาง พบว่ากองทัพบกได้สอบราคาจากบริษัท Gulfstream Aerospace และได้กำหนดราคากลางอยู่ที่ 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาทแล้ว พบว่ามีราคาอยู่ที่ 1,348.5 ล้านบาท ตรงกับวงเงินงบประมาณ และเชื่อว่าเครื่องบินที่กำลังจะจัดซื้อ นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นเครื่องบิน VIP Gulfstream G500 ซึ่งเครื่องบินรุ่นนี้ จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโดยสารของนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา และบุคคลสำคัญระดับ VIP
แม้ว่าทางกองทัพบกจะให้เหตุผลว่าได้ตัดโอนงบประมาณไปแล้วถึง 8,894.95 ล้านบาท และการจัดซื้อในครั้งนี้ก็เป็นการจัดซื้อโดยใช้งบประมาณของปี 2563 ที่ตั้งเอาไว้แล้ว แต่ไม่ใช่เหตุผลที่สังคมจะยอมรับการใช้จ่ายภาษีของประชาชนอย่างสุรุ่ยสุร่ายในสภาวะที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ ปากท้องของประชาชนกำลังลำบากของกองทัพได้
สภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่ประชาชนในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน พนักงานบริษัท อาชีพอิสระรับจ้างทั่วไป พ่อค้าแม่ขาย และเจ้าของกิจการขนาดย่อม กำลังตกทุกข์ได้ยาก ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้ ที่มีการประเมินกันว่า อาจจะมีคนตกงานสูงถึง 8.4 ล้านคน นักศึกษาที่จบการศึกษาในปี 2563 นี้ จำนวน 5.2 แสนคน มีแนวโน้มว่าจะหางานทำได้ยากมากๆ มีนักเรียนมากถึง 6.7 แสนคน ที่จำใจต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา เนื่องจากความยากจน และรายได้ครอบครัวที่หดหายไป
นอกจากนั้น ธุรกิจการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปิดตัวถาวรถึง 30% กับสถานการณ์ที่พบว่า ในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม 2563) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยลดลง 59.97% หรือลดลง 10.02 ล้านคนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 59.57% หรือลดลง 4.89 แสนล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้น ส่วนธุรกิจร้านอาหาร 4 แสนราย ที่กำลังดิ้นรนอย่างหนัก โดยมีร้านอาหารมากถึง 5 หมื่นรายได้ปิดกิจการไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะปิดตัวเพิ่มขึ้นอีก
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เครื่องบิน VIP ที่กำลังจะมีการจัดซื้อในครั้งนี้ ไม่ใช่ยุทโธปกรณ์ที่จะถูกนำไปใช้งานในพื้นที่ยุทธบริเวณ เพื่อสนับสนุนภารกิจ หรือเพื่อลดความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารในพื้นที่ ที่มีการสู้รบแต่อย่างใด แต่เป็นการจัดซื้อเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นายทหารระดับสูง ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเลย
ขณะที่มีรายงานข่าวว่ากรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) กองทัพบก ชี้แจงว่าโครงการจัดซื้อเครื่องบินใช้งานทั่วไปขนาดกลางพร้อมติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน จำนวน 1 เครื่อง งบประมาณ 1,348.5 ล้านบาท ตามแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ 2563 แต่เนื่องจากติดปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จึงทำให้ต้องชะลอการจัดซื้อออกไป จนต้องมีการเสนอในงบประมาณปี 2564 แทน
ทั้งนี้การจัดซื้อดังกล่าวเป็นความจำเป็นในการจัดหายุทโธปกรณ์ เพื่อใช้สำหรับภารกิจโดยสารของผู้บังคับบัญชาและบุคคลสำคัญวีไอพี เพื่อทดแทนเครื่องบินแบบใบพัด Beechcraft 1900yf ที่กำลังจะปลดประจำการ เพราะมีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี
อีกทั้งก่อนหน้านี้ทางบริษัทที่ผลิตเครื่องบินแบบใบพัดดังกล่าวได้แจ้งว่ากำลังจะหยุดสายการผลิต และไม่มีอะไหล่ใหม่ ทำให้กองทัพบกจำเป็นต้องจัดซื้อเครื่องบินใช้งานทั่วไปขนาดกลางมาเพื่อทดแทน โดยผ่านขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการ ซึ่งเครื่องบินที่จะนำมาทดแทนนั้นเป็นเครื่องที่มาจากบริษัท Gulfstream Aerospace ถือเป็นผู้ผลิตเครื่องบิน Gulfstream G500 โดยตรงที่ผลิตเครื่องขนาดเดียวกันกับเครื่องที่จะปลดประจำการ มีลักษณะคล้ายเครื่องบินแอมแบร์กองทัพบก และเป็นเครื่องไอพ่น คาดว่าจะใช้เวลาในการจัดซื้อครั้งนี้ประมาณ 1 ปี