นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การที่กลุ่มไทยรักไทยมีมติจะย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนนั้น แสดงให้เห็นว่ากลุ่มไทยรักไทยเริ่มเดินเข้าสู่การแข่งขันตามกรอบกติกาบ้านเมืองและเห็นความสำคัญของประชาชนเป็นหลักเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งปลายปีนี้ แต่อย่างไรก็ดีขอให้ประชาชนช่วยจับตาดูว่าการควบรวมครั้งนี้จะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือเพื่อเอาตัวรอดทางการเมืองที่ไม่ใช่เห็นประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังขอให้กลุ่มไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง พร้อมขอให้รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ควรติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ถือว่ายังไม่น่าไว้วางใจ
วานนี้(28 ก.ค.) ที่ประชุมกลุ่มไทยรักไทย มีมติให้สมาชิกย้ายไปสังกัดอยู่กับพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็ก เนื่องจากเกรงว่ารัฐบาลจะหยิบยกรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 มาใช้หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ผ่านการลงประชามติ ซึ่งการนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 มาใช้ จะส่งผลกระทบกับกลุ่มไทยรักไทยให้ไม่สามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ จากข้อกำหนดที่ให้ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมืองครบ 90 วัน
นายสาธิต ยังเรียกร้องไปถึงแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.) รุ่น 2 ว่าขอให้เคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด และไม่ควรละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนดังเช่นแกนนำกลุ่มนปก.รุ่นแรกที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขณะนี้
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์ โทร.0-2253-5050 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--