รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์นี้เลื่อนมาเป็นวันพุธเนื่องจากวานนี้เป็นช่วงวันหยุดยาว โดยวันนี้มีวาระการพิจารณาที่น่าสนใจดังนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เสนอขยายการใช้อำนาจตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ออกไปอีก 1 เดือน สิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 โดยจะตัดการบังคับใช้มาตรา 9 เรื่องการห้ามชุมนุมออกไป
กระทรวงการคลัง เสนอรายงานผลการดำเนินการยกระดับการบริการภาครัฐในส่วนที่ขอใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) และพิจารณาการเสียภาษีสลากบำรุงสภากาชาดไทย ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอรายงานผลการดำเนินการยกระดับการบริการภาครัฐในส่วนที่ขอใช้เงิน SAL เช่นกัน
กระทรวงพาณิชย์ เสนอร่างประกาศ เรื่อง การนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย, เรื่อง การนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ กำหนดให้มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่เป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลง TAFTA และ TNZCEP
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการโคงการการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย, ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 6 ฉบับ
กระทรวงยุติธรรม เสนอรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทาง ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ว่าด้วยเรื่องสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย กรณีนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ หายตัวไปที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งอาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง และ กรณีนายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ ถูกบังคับให้สูญหายจากบ้านพัก รวมไปถึงกรณีประชาชนเมียนมาได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ของบริษัทเอกชนด้วย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เสนอโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เป็นค่าตอบแทนการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษคนละ 500 บาทต่อเดือน ให้แก่ อสม. และ อสส. รวมจำนวนไม่เกิน 1,054,729 คนต่อเดือน ระยะเวลาตั้งแต่เดือนมี.ค.63 -ก.ย.63 กรอบวงเงินไม่เกิน 3,622.3195 ล้านบาท เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับบุคลากรทางการแพทย์อื่น ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ เป็นกองบังคับการ หรือ ส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ ว่าด้วยการจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ กำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว