นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และหนึ่งในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐนตรี แสดงความเห็นไม่คัดค้านเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ให้รอผลการศึกษาของกมธ. ก่อน เพื่อเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยประชุมหน้านั้น ในฐานะ กมธ. เห็นว่า การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ต้องรอรายงานของ กมธ. เพราะใน กมธ. ประเด็นที่เสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันคือ ควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในแทบทุกหมวด
ดังนั้น ถึงที่สุดไม่อาจแก้ไขเป็นรายประเด็นได้ ต้องทำใหม่ทั้งระบบ ซึ่งวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดคือการร่างใหม่ทั้งฉบับผ่านกลไกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรานั้นเป็นเพียงการแก้ไขเฉพาะหน้าระหว่างรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยเหตุนี้ หลังการประชุม กมธ. สัปดาห์ที่แล้ว กมธ. จึงได้แถลงต่อสื่อมวลชนโดยไม่รอให้รายงานเสร็จ เพราะจะไม่ทันการณ์กับสถานการณ์ทางการเมืองนอกสภา จึงเสนอแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญโดยเริ่มที่การแก้ ม. 256 เพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญรายมาตราได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเพิ่มเติมหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้สามารถแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราได้พร้อมกับการร่างใหม่ทั้งฉบับ
" ถ้ารัฐบาลมีเจตนาที่จะแก้รัฐธรรมนูญจริง ไม่ใช่แค่ต้องการยื้อเวลา สามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวได้ทันที เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของ ส.ส. และรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนรายงานของ กมธ. นั้น เป็นแค่รายงานประกอบการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรายละเอียดประเด็นอื่นๆ ต่อไปเท่านั้น และพรรคก้าวไกลเห็นว่า ในสมัยประชุมนี้ยังเหลือเวลาอีกถึง 1 เดือนกว่า รัฐสภามีเวลาพอที่จะพิจารณาญัตติเรื่องนี้ได้ก่อนเลย ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สามารถเข้าชื่อโดยใช้เสียง 1 ใน 5 ของสภาผู้แทนราษฎร เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้ทันสมัยประชุมนี้ โดยเริ่มต้นจากการแก้ ม.256 พร้อมกับการตั้ง ส.ส.ร. ไม่ควรจะต้องรอสมัยประชุมหน้าเพราะจะล่าช้าเกินไป" นายชัยธวัช กล่าว
นอกจากการเสนอแก้ มาตรา 256 และตั้ง ส.ส.ร. แล้ว ยังสามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นสำคัญอื่นได้อีกด้วย จุดยืนของพรรคก้าวไกลเสนอว่า ควรจะมีการแก้ไขบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.อย่างเป็นทางการ และยกเลิกการรับรองประกาศคำสั่ง คสช. ให้ชอบรัฐธรรมนูญด้วย โดยการเสนอให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 269-272 และ 279 เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า สำหรับในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประเด็นที่เห็นร่วมกันแน่นอนแล้วคือ การเสนอแก้ มาตรา 256 และตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งสามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้เลยในเร็วๆ นี้ ส่วนการเสนอให้ยกเลิกยกมาตรา 269-272 และ 279 นั้น พรรคก้าวไกลจำเป็นที่จะต้องขอเสียงจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อให้ได้ชื่อเกิน 1 ใน 5 ของสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าไม่สามารถขอรายชื่อ ส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ คงจำเป็นต้องไปร่วมมือกับประชาชนในการล่ารายชื่อให้ได้ 50,000 คน
นอกจากนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบันการเมืองมีความไม่แน่นอนสูง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาหรือนายกรัฐมนตรีลาออก ดังนั้น การปิดสวิตช์ ส.ว. จำเป็นต้องทำก่อน เพื่อที่หากเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรูปแบบใดก็ตาม จะทำให้ ส.ว. ไม่มีอำนาจกลับมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีอีกโดยยังไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ เพราะถ้าไม่รีบแก้ประเด็นนี้อาจจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์เมืองครั้งใหญ่
นายชัยธวัช กล่าวถึงกรณีมี ส.ว.หลายคน รวมถึงประธานวุฒิสภาแสดงความคิดเห็นคัดค้านการตั้ง ส.ส.ร.นั้น พรรคก้าวไกลขอย้ำอีกครั้งว่า ส.ว.ควรจะเคารพและฟังเสียงของประชาชน ให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนตัดสินอนาคตของประเทศด้วยตัวเอง ส.ว.ไม่ควรจะเป็นผู้สร้างเงื่อนไขให้การเมืองเดินไปสู่ทางตัน
และในกรณีที่รองโฆษกรัฐบาลบอกว่า ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และกระทรวงต่างๆ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษานั้น ดูแล้วจะกลายเป็นเวทีประชาสัมพันธ์และโฆษณาชวนเชื่อผลงานของรัฐบาลมากกว่า นี่เป็นกระบวนการที่ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะวันนี้ นักศึกษาและประชาชนที่ร่วมชุมนุมมีข้อเรียกร้องชัดเจนอยู่แล้ว เหลือแค่ว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะรับไปปฏิบัติอย่างไร