นายอัชพร จารุจินดา รองเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ขณะนี้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับได้ข้อยุติในหลักการแล้ว คงเหลือเพียงแต่การปรับถ้อยคำตามที่อนุกรรมาธิการฯ เสนอไป
โดยเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสามารถอุดช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ได้ เพราะมีการเขียนกลไกที่เข้มงวดขึ้นหลายด้าน ทั้งนี้หลังจากคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ฝ่ายเลขานุการจะนำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับไปปรับเรื่องถ้อยคำก่อนที่จะส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาต่อไป
สำหรับการแก้ไขตามหลักใหญ่ของกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ คือ การแก้ไขให้เป็นไปตามบทญัติรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในส่วนของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่วนใหญ่ยังคงไว้ตามเดิม เพราะเป็นเรื่องการจัดตั้งองค์กรเพื่อให้ประชาชนเข้าใจการออกเสียงเลือกตั้ง เพียงแต่ปรับปรุงบางเรื่องให้ตรงกับรัฐธรรมนูญ เช่น การเลือกตั้งแบบสัดส่วน แบบกลุ่มจังหวัด
ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยหลักใหญ่ต้องการให้พรรคการเมืองมีปึกแผ่นที่มั่นคงขึ้นในเรื่องการจัดตั้งว่าต้องการจัดตั้งจริงหรือเพียงต้องการส่งสมาชิกเท่านั้น ส่วนการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองได้เพิ่มบทบัญญัติหลายเรื่องเพื่อให้สมาชิกมีบทบาทมากขึ้นและแก้ปัญหาการรับเงินสนับสนุนจากกองทุนพรรคการเมืองที่ต้องมีกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการส่งสมาชิกลงเลือกตั้งและได้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนดจึงจะได้รับเงินสนับสนุน ซึ่งต่างจากเดิมที่ไม่ต้องลงสมัครก็ยังได้รับเงินสนับสนุน
ส่วน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ได้กำหนดรายละเอียดต่างๆ ไว้ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรของภาครัฐหรือเอกชน และให้องค์กรเหล่านั้นเสนอรายชื่อมาเพื่อให้คณะกรรมการสรรหาที่ถูกแต่งตั้งขึ้นนำรายชื่อมาพิจารณาคัดเลือกต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--