นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลระบุว่า มีอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 เรียกเงิน 5 ล้านบาทเพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณในส่วนของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ กรรมาธิการฯ จะเรียกอนุกรรมาธิการชุดดังกล่าวเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนจะพิจารณาว่าจะมีการตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้หรือไม่
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวขอชี้แจงว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ไม่มีอำนาจตัดลดงบประมาณและไม่ใช่แหล่งผลประโยชน์ มีเพียงหน้าที่ตรวจสอบความเหมาะสมการจัดสรรงบประมาณของแต่ละหน่วยงานเพื่อเสนอคณะกรรมาธิการชุดใหญ่เท่านั้น ซึ่งอำนาจการตัดสินใจทั้งหมด อยู่ที่กรรมาธิการชุดใหญ่เท่านั้น และจะเริ่มปรับลดงบประมาณในช่วงปลายเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่หน่วยงานจะต้องเอาใจอนุกรรมาธิการฯ
เมื่อถามถึงความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในคณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ นายสันติ ยืนยันว่า การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯชุดใหญ่ มีการเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายร่วมกันแสดงความคิดเห็น และมีการถ่ายทอดสดการประชุมทุกครั้ง ซึ่งตั้งแต่มีการประชุมมา ยังไม่เคยประชุมลับ จึงมั่นใจว่าการพิจารณาจะเป็นไปอย่างโปร่งใส เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นภาษีของประชาชน กรรมาธิการฯ ต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าไม่ได้มีเพียงคณะอนุกรรมาธิการฯ ชุดนี้ชุดเดียวที่มีการเรียกเงินนั้น นายสันติ ระบุว่า จะเชิญทุกคณะมาสอบเช่นกัน
ด้านนางสาววทันยา วงษ์โอภาสี โฆษกกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ขณะนี้กรรมาธิการฯ พิจารณาไปแล้ว 13 กระทรวง , 1 กลุ่มหน่วยงาน , และ 11 กองทุน จากทั้งสิน 20 กระทรวง, 9 กลุ่มงาน, 26 กองทุน และอีก 14 แผนบูรณาการ โดยกระทรวงสำคัญที่พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงแรงงาน
สำหรับการพิจารณางบประมาณภาพรวมในส่วนของกระทรวงแรงงานนั้น พบว่า มีการจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 69,838,179,100 บาท โดยกรรมาธิการแสดงความเป็นห่วงเรื่องงบประมาณของกองทุนประกันสังคมที่ต้องจ่ายเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งขณะได้ใช้จ่ายเงินจากองทุนฯ ไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินสมทบประกันสังคม ทางหน่วยงานกำลังพิจารณาเรื่องการลดการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนของทั้งลูกจ้างและนายจ้างเป็นครั้งที่ 2 เพื่อช่วยลดภาระ
ขณะที่การพิจารณาบประมาณในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะนี้มีการพิจารณาในส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกลุ่มจากจังหวัดต่างๆไปแล้ว 18 กลุ่มจังหวัด โดยใช้วิธีการประชุมผ่านทางไกลร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด