นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวในที่ประชุมวุฒิสภาถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ข้อเสนอที่ภาคประชาชนต้องการมี 2-3 ประเด็นเท่านั้น แต่การรื้อทั้งหมดเพื่อตอบกระแสม็อบนั้น มองว่าจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญควบคุมไม่ได้ หากแก้ไขมีผลกระทบต่อการล้มสถาบัน เช่น องคมนตรี อำนาจกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ศาลรัฐธรรมนูญ ลดหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นขอให้รัฐบาลพิจารณาให้ดีเพื่อไม่ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญนำไปสู่วิกฤตขัดแย้ง ที่เป็นต้นตอของการรัฐประหาร ที่มักเกิดจากวิกฤตรัฐธรรมนูญ
นายสมชาย ระบุว่า ควรเสนอแก้ไขแบบตรงประเด็น แทนการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และรื้อเนื้อหาทั้งฉบับโดยไม่เห็นทิศทางในอนาคต ซึ่งตนเองกังวลว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงทั้งฉบับทั้งหมดนั้นเป็นอันตรายต่อการปกครอง
ด้านนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ส.ว. กล่าวสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ว่าด้วยที่มาของ ส.ว.เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชน และมาตรา 272 ให้ตัดสิทธิ์อำนาจของ ส.ว.ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
โดยในสถานการณการเมืองปัจจุบัน มองว่าเป็นวิกฤตศรัทธาทางการเมือง และมีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน วัยหนุ่มสาวที่แหลมคม ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและสังคมรับฟังความเห็นและข้อเรียกร้องทุกฝ่าย ขณะเดียวกันรัฐต้องปกป้องไม่ให้เกิดความรุนแรงในการชุมนุมทุกฝ่าย ส่วนสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ควรนำมาเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมือง และเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม