นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ระบุไม่ขอวิจารณ์กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะไม่ลงมติผ่านงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เพราะเป็นเรื่องของกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64
ส่วนกรณีที่มีการหยิบยกเรื่องเรือดำน้ำไปเปรียบเทียบกับการยกเลิกจัดซื้อเครื่องบินรบแบบ F-18 ในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น นายชวน กล่าวว่า ต้องแยกแยะการพิจารณาข้อมูลในแต่ละเรื่อง เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ต่างกัน ซึ่งกรณีดังกล่าวได้ขอให้ทางสหรัฐฯ ซื้อแทน และสหรัฐฯ ขอให้ไทยเป็นประเทศแรกและประเทศสุดท้ายที่ทำเช่นนี้ เพราะสมัยนั้นไทยไม่มีเงินจ่าย ค่าเงินบาทผันผวน จึงได้มีการทำสัญญาผูกมัดเอาไว้
"ข้อมูลต่างกับเหตุการณ์ปัจจุบัน คนละอย่างคนละแบบ สมัยนั้นสหรัฐฯ ยอมยกเลิกสัญญาและไม่คิดค่าปรับ เพราะมีเจตนาจะช่วย รวมทั้งวันสุดท้ายผมได้ขอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นขอคืนมัดจำประมาณ 3,000 ล้านบาท จากราคานับหมื่นล้านบาท ซึ่งไม่มีเงินจ่ายก็บอกไปตรงๆ ว่าเราไม่มีเงินจ่าย ตอนนั้นเขาช่วยเหลือเราที่เจอปัญหาแบบนี้" นายชวน กล่าว
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะไม่ผ่านความเห็นชอบงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำในชั้น กมธ.ฯ และถ้าไม่ผ่านกองทัพเรือก็คงไม่ถอนเรื่องเพราะมีเรื่องคอมมิชชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งงบ 22,500 ล้านบาท สามารถไปจะซื้ออะไรให้กับประชาชนได้มากมาย ช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีจะกิน จึงไม่เหมาะสมที่จะจัดซื้อ และขอให้ ส.ส.ทุกคนดำเนินการให้เรือดำน้ำให้ตกไป