นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ยืนยันความเห็นต่างเรื่องประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญกับพรรคก้าวไกลไม่ใช่ความขัดแย้ง แม้เพื่อไทยอยากปิดจะสวิตซ์ ส.ว.ให้เร็วที่สุดก็ตาม เพราะพรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบโดยตรง หากยังมีการคงอำนาจ ส.ว.เลือกตั้งครั้งหน้าแล้วพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอีกครั้งก็เชื่อว่าไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่หากจะยื่นญัตติร่วมกับพรรคก้าวไกลที่ในมาตรา 269-272 อีกก็จะขัดหลักการของพรรคที่ต้องการให้ประชาชนเป็นผู้เขียนผ่าน ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนเป็นผู้ดำเนินการ
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเห็นควรให้ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นผู้ดำเนินการก่อน แต่หาก ส.ส.ร.ยังไม่ดำเนินการก็จำเป็นจะต้องยื่นเอง ในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าก็ได้แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ ส่วนพรรคก้าวไกลมองว่าพลังมวลชนสามารถกดดันให้ ส.ว.ปิดสวิตช์ตนเองได้
นายสุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็เคยมีความเห็นต่างกันในประเด็น พ.ร.บ.โอนกำลังพล พรรคเพื่อไทยเคารพและให้เกียรติ วันนี้พรรคเพื่อไทยก็ขอยืนตามมติของพรรคที่ได้ยื่นญัตติไปก่อนหน้านี้
"เป็นไปไม่ได้ที่ ส.ว.จะยกมือปิดอำนาจของตัวเองในขณะนี้ เมื่อรู้ว่าจะแพ้ก็ไม่ควรยื่น แต่ควรจะทำเมื่อรู้ว่าจะชนะในการรบ เพราะเชื่อว่ายังมีช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อสถานการณ์สุกงอม สังคมมีความชัดเจนและพลังของผู้ชุมนุมมากพอ เปรียบเสมือนวัยรุ่นกับคนมีประสบการณ์ วัยรุ่นเมื่อมีปัญหาก็อาจจะเดินเข้าไปชกเลย แต่คนที่มีประสบการณ์จะต้องประเมินกำลังก่อน" นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่า ถึงแม้มวลชนจะมีพลังมากจนสามารถกดดันให้รัฐบาลยอมแก้รัฐธรรมนูญ แต่อาจจะไม่สามารถไปได้จนสุดซอยให้ ส.ว.ปิดสวิตซ์ตนเอง ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมเองก็มีความชัดเจนว่าต้องการ ส.ส.ร. แต่หากวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการเปลี่ยนเป็นการแก้ไขรายมาตรา เพราะบอกว่าการมี ส.ส.ร.ทำให้ล่าช้า ก็ต้องมาพูดคุยหารือกันถึงหลักการและความเป็นไปได้ อะไรที่เป็นไปได้ก็ต้องดำเนินการก่อน ซึ่งตนเองเชื่อว่าวันนี้เห็นตรงกันในหลักการแต่ต่างกันในรายละเอียด ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเห็นชอบในหลักการที่ต้องการให้มี ส.ส.ร. เพราะมีความเป็นไปได้มากกว่า