นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลมีความเห็นต่างกันในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ ส.ว.นั้นไม่ถือเป็นความขัดแย้งกัน ในฐานะที่เป็นคนนอกเชื่อว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีอิสระย่อมมีความคิดแตกต่างกันได้ แต่ละพรรคจึงมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธีการขับเคลื่อนแตกต่างกัน แต่ยังทำงานด้วยกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ ส่วนคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกล ที่ถกเถียงกันทางโลกโซเชียลก็เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยมองว่าจะให้ ส.ว.ปิดสวิตซ์ตัวเองเป็นเรื่องยากและยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญประเด็นใดที่ไปกระทบผลประโยชน์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ ส.ว.ย่อมแก้ยากทุกเรื่อง ดังนั้น การจะแก้ได้หรือไม่ได้อยู่ที่การกดดันนอกสภาฯ ซึ่งการเคลื่อนไหวตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้รัฐบาลยอมเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"นอกสภายังกดดันเรื่องให้ยกเลิก ส.ว.เป็นไปได้ที่ ส.ว.จะยอมเปลี่ยนใจ แต่หากยังมองว่าแรงกดดันจากนอกสภาไม่เพียงพอ โดยไม่ทำอะไรในขณะนี้ เชื่อว่าแม้แต่ ส.ส.ร.ก็ไม่สามารถตั้งได้ และถึงแม้จะตั้ง ส.ส.ร.ได้ก็ไม่มีหลักประกันว่า รัฐบาลจะยอมในวาระ 2 และ 3" นายปิยบุตร กล่าว
เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวว่า การเมืองคือความเป็นไปได้ ต้องเสนอรูปแบบความเป็นไปได้ใหม่ๆ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ชุมนุมผ่อนคลายลง เพราะข้อเรียกร้องได้รับการตอบสนอง แต่ในทางกลับกันเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองอาจยกระดับการชุมนุม ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าท้ายที่สุดจะออกมาเป็นแบบใด ดังนั้น เมื่อมีแรงกดดันจากนอกสภา ส.ส.ต้องใช้โอกาสนี้ในการผลักดัน แต่หากมาตรา 272 ไม่ผ่านสภาก็จะทำให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมของ ส.ว.