นายวราเทพ รัตนากร รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 กล่าวก่อนการประชุมฯ ว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆจากรัฐบาลหลังมีกระแสข่าวว่ากองทัพเรือจะถอนการจัดซื้อเรือดำน้ำในงบประมาณปี 2564 ออกไปก่อน ซึ่งต้องรอดูข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และขอให้รอฟังจากประธาน กมธ.ฯ ที่จะเข้ามาประชุมช่วงเที่ยงของวันนี้
ขณะนี้ที่ประชุมยังไม่มีมติว่าจะเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงหรือไม่ หากคณะอนุกรรมาธิการฯ ชี้แจงแล้วอยากเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงเพิ่มเติมก็สามารถเชิญได้ แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องพิจารณาให้เสร็จ หากเชิญก็ต้องเชิญภายในวันนี้ และวันนี้เป็นวันสุดท้ายในการพิจารณาปรับลด จากนั้นจะมีกระบวนการตรวจรายงานเพื่อแก้ไขรายงาน และรายงานที่ค้างอยู่ คือการพิจารณาข้อสังเกตที่นัดหมายไว้ในวันพุธหรือวันพฤหัสบดีนี้
พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเลื่อนการพิจารณางบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่เนื่องจากยังพิจารณาไม่ถึงวาระดังกล่าว แม้จะดูว่าพิจารณาล่าช้าเกินไป แต่ยอมรับว่าปีนี้เรื่องที่ต้องพิจารณาค่อนข้างเยอะ และมีความสลับซับซ้อน
โดยวาระที่จะพิจารณาในวันนี้เป็นวาระที่นัดหมายไว้ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งวันนี้ยังคงให้คณะอนุกรรมาธิการฯ ที่เหลืออีก 5 คณะมารายงานผลการพิจารณา และต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ตามกรอบเวลา 105 วัน ซึ่งจากประสบการณ์ในการทำงบประมาณคิดว่าไม่น่าจะมีการถ่วงเวลาเพื่อไม่ให้ทันต่อกรอบเวลาที่กำหนดไว้ดังกล่าวแล้วนำร่างงบประมาณที่รับหลักการในวาระแรกมาใช้ตามที่มีการกล่าวหา
ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองประธานอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ กล่าวว่า รอดูการประชุม กมธ.งบประมาณฯ ว่าจะพิจารณาการจัดซื้อเรือดำน้ำอย่างไร หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาสั่งให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำในปีนี้ออกไปก่อน เพราะการจะถอยหรือไม่ถอยก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กมธ.งบประมาณฯ หาก กมธ.งบประมาณฯ ถอยเรื่องนี้เพราะนายกรัฐมนตรีสั่งการก็เหมือนกับฝ่ายบริหารครอบงำนิติบัญญติ
ขณะที่ นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะ กมธ.งบประมาณฯ กล่าวว่า เตรียมยื่นหนังสือต่อประธาน กมธ.ฯ ขอใช้สิทธิแปรญัตติงบประมาณตัดงบ 111 ล้านบาทของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย กรณีสั่งปิดเหมืองบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด เนื่องจากหัวหน้า คสช.ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐจึงไม่มีสิทธิใช้งบประมาณต่อสู้คดี เพราะเป็นเงินภาษีประชาชนซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยแล้วว่าหัวหน้า คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงจะขอให้ กมธ.สัดส่วนฝ่ายค้าน และ กมธ.คนอื่นๆ ที่เห็นด้วยในหลักการเดียวกันร่วมลงชื่อ ซึ่งนายยุทธพงศ์ระบุว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยในหลักการ และจะร่วมลงชื่อด้วย