นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กล่าวถึงการเตรียมนำเสนอรายงานการศึกษาของ กมธ. ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า สำหรับในส่วนของตนเองนั้นได้ทำความเห็นส่วนตัวโดยสังเขปไว้ 25 หน้า ซึ่งมีอยู่หลายประเด็น โดยบางประเด็นเห็นตรงกันกับ กมธ.เสียงส่วนใหญ่ ขณะที่บางประเด็นก็เห็นค้าน ซึ่งในหลายๆ ประเด็นเหล่านี้ อาทิ หมวด 1 หมวด 2 ของรัฐธรรมนูญที่เห็นว่าสามารถแก้ไขได้ ไม่ได้ต้องห้าม และบางกรณีในอดีตก็มีการแก้ไขมาแล้ว และถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยก็ต้องแก้ได้ ทั้งนี้ภายใต้กรอบระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประเด็นต่อมาคือเรื่องสภาเดี่ยว ตนสนับสนุนให้ต่อไปนี้ประเทศไทยควรมีสภาเดี่ยวได้แล้ว ประเด็นเรื่องเพิ่มเติมบทบัญญัติการลบล้างผลพวงรัฐประหารเข้าไปในรัฐธรรมนูญ เรื่องการแก้ไขที่มาขององค์กรอิสระและองค์กรศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการแก้ไขระบบกระบวนการนิติบัญญัติที่จะเพิ่มอำนาจให้กับสภามากขึ้น เพิ่มบทบาทให้กับฝ่ายค้านมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการสร้างหน่วยงานใหม่ๆ เช่น ผู้ตรวจการกองทัพ ผู้ตรวจการศาล ความเห็นเหล่านี้อยู่ในความเห็นส่วนตน และถ้าหากมีโอกาสก็จะขออภิปรายในประเด็นเหล่านี้
"การแก้ไขแบบยกร่างใหม่ทั้งฉบับและแบบรายมาตรานั้น สามารถทำพร้อมๆ กันได้ทั้ง 2 แบบ เช่น คาดว่าอีก 2 สัปดาห์ร่างแก้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่กำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะเข้าสภา ก็ต้องถกเถียงกันว่าจะเอารูปแบบที่พรรคฝ่ายรัฐบาลหรือแบบที่พรรคฝ่ายค้านเสนอ แต่กว่าจะมีประชามติให้มี ส.ส.ร. กว่าจะเลือกตั้ง ส.ส.ร. กว่าจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กว่าจะผ่านสภาพิจารณา กว่าจะผ่านประชามติ กว่าจะออกพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญต่างๆ กว่าจะมีรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์แบบ คิดว่ารัฐบาลชุดนี้คงอยู่ครบ 4 ปีไปแล้ว ดังนั้น ระหว่างทางก่อนไปถึงวันนั้น เราสามารถแก้ไขรายมาตราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตราที่เป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 279 ที่รับรองประกาศคำสั่ง คสช.ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตลอดกาล มาตรา 269 -272 ต้องยกเลิกเรื่อง ส.ว. 250 คน แล้วกลับไปใช้ระบบปกติ ให้ ส.ว. มีอำนาจตามระบบปกติ ไม่ต้องมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องมีอำนาจเกี่ยวกับกฎหมายการปฏิรูปประเทศ หรือไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง ระบบพรรคการเมืองต่างๆ และที่ไปไกลกว่านั้นก็ควรปรับปรุงแก้ไขการได้มาซึ่งองค์กรอิสระด้วย ดังนั้น ระหว่างทางการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราสามารถทำการแก้ไขรายมาตราในสิ่งที่จำเป็นได้ เพื่อให้บรรยากาศทางการเมืองไทยดีขึ้นด้วย และทยอยกลับเข้าสู่ระบอบปกติ" นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวรัฐประหารว่า หากวันนี้จะหาทางออกจากวิกฤติการณ์ทางการเมืองด้วยการรัฐประหารอีกรอบ คิดว่าจะเป็นการทำผิดซ้ำไปกันใหญ่ ซึ่งจริงๆ วิธีการแก้ปัญหาง่ายมาก คือทำรัฐธรรมนูญให้เป็นปกติ บทเรียนที่ผ่านมาเรามีแล้ว คือกว่าที่รัฐธรรมนูญ 2521 รัฐธรรมนูญ 2534 จะปรับเป็นประชาธิปไตยได้ เราต้องเสียเลือดเนื้อจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ในเมื่อบทเรียนมีอยู่แล้ว ทำไมยังเดินหน้าไปสู่การเสียเลือดเสียเนื้อ ทำไมยังจะเดินหน้าไปสู่การรัฐประหาร ทำไมถึงไม่แก้กันในกติกา
นายปิยบุตร กล่าวว่า วันนี้ ส.ว.หลายท่านก็ส่งสัญญาณมาแล้วว่าพร้อมจะแก้ไข อยากให้หันมาให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญ อย่าใช้อำนาจนอกระบบ และถ้ามีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอยืนยันตรงนี้ว่า ตนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะออกไปต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้อย่างถึงที่สุดแน่นอน
นายปิยบุตร กล่าวถึงกระแสข่าวจะไปเป็นแกนนำการชุมนุมวันที่ 19 กันยายนว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะในฐานะพลเมืองไทยคนหนึ่งก็เอาใจช่วยผู้ชุมนุม ต้องพยายามมองนิสิตนักศึกษาเยาวชนว่าเขาเป็นตัวของเขาเอง เขามีความรู้ความสามารถ เขามีเสรีภาพในการเลือกที่จะแสดงออกแบบใด อย่าคิดว่ามีใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ถ้าตนเป็นนิสิตนักศึกษาก็คงเสียใจ ที่คนมักจะมองว่ามีใครอยู่เบื้องหลังตลอด ทั้งๆ ที่เขามีวิจารณญาณ สามารถครุ่นคิดของเขาได้เอง ตนเองก็รอดูอยู่ ถ้าวันนั้นไม่มีอะไร ก็เป็นพลเมืองไทยที่จะไปร่วมชุมนุมด้วยคนหนึ่ง