นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองเห็นตรงกันในหลายประเด็นที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น และที่ได้ยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก็มีทั้งร่างของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภา จะต้องจับตาดูว่าในส่วนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะมีท่าทีต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากน้อยขนาดไหน
เนื่องจากมาตรา 256 ปัจจุบัน ในวาระ 1 นั้น การออกเสียงลงคะแนนให้ใช้วิธีเรียกชื่อ และลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา คือ ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนถึง 84 คน หากสมาชิกวุฒิสภามีไม่ถึงจำนวนดังกล่าวก็ต้องถือว่าร่างแก้ไขตกไป
"ดังนั้น ก่อนจะมีการประชุมเชื่อว่าจะมีการนัดประชุม 3 ฝ่าย ทั้ง ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายสมาชิกวุฒิสภา เพื่อหาจุดร่วมกันว่าจะเห็นไปในทิศทางใด" โฆษก ปชป.ระบุ
ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีความชัดเจนเรื่องการสนับสนุนให้มีการแก้มาตรา 256 และให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อไปจัดทำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยมีหลักการชัดว่า การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะกระทำมิได้
"ส่วนที่มีบางพรรคและบางคนที่พยายามให้มีการแก้ ดูแล้วจะไม่มีเหตุผลมารองรับ เพราะทั้ง 2 หมวด มี 24 มาตรา ไม่ได้มีมาตราใด ไม่มีถ้อยคำใด ที่มีผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่เป็นคนที่มีความพยายามที่จะแก้หมวด 1 และหมวด 2 อยากถามกลับเช่นกันว่าทำเพื่ออะไร เรื่องนี้เป็นการต่อสู้ทางแนวคิด หากมีส่วนไหนที่ไม่ตรงกัน ก็ต้องดูกันด้วยเหตุด้วยผลแห่งความถูกต้อง จึงจะเป็นคำตอบในทุกสิ่ง" นายราเมศกล่าว