นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อ่านแถลงการณ์ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าการแสดงออกและการเรียกร้องของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสามารถกระทำได้
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้การแสดงออกดังกล่าวเป็นไปได้อย่างเสรี และต้องเปิดพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยในการแสดงออกของประชาชน โดยปราศจากการคุกคาม แทรกแซง ให้ร้าย และต้องไม่ทำลายความคิดเสรี ด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้กฎหมายที่บิดเบือนข้อเท็จจริง การนิ่งเฉยปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรง การใช้อาวุธสลายการชุมนุม และกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นต้น
ขณะที่ข้อเรียกร้องต่างๆ ของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนควรจะต้องมีการนำไปสู่การพิจารณาถึงข้อดี-ข้อเสีย เพื่อเป็นการร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมให้กับสังคมไทย โดยข้อเรียกร้องที่สำคัญคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นผลจากการสืบทอดอำนาจและความต้องการรักษาอำนาจของ คสช. เป็นการทำลายประเทศชาติ และนำพาประเทศมาสู่ทางตัน
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ร่วมกันผลักดันร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 23-24 กันยายน 2563 ซึ่งสนับสนุนให้มี ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ ส.ส.ร.ทั้งหมดต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เพื่อปลดล็อกประเทศจากทางตัน
พรรคร่วมฝ่ายค้านยังเรียกร้องให้ ส.ว.ร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับอำนาจของ ส.ว.โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ต้องถูกยกเลิก เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ และทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด
หัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า ในวันที่ 19 ก.ย.นี้จะมีสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านไปสังเกตการณ์การชุมนุมในฐานะคณะทำงานของคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะปราศจากอาวุธ แต่เป็นห่วงว่าผู้มีอำนาจอาจทำให้เกิดปัญหาเอง ส่วนการแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถาบันฯ นั้นสามารถทำได้ และที่ผ่านมานักศึกษาก็ได้พูดกันไปแล้ว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ยอมรับฟังการอภิปรายของนักศึกษาและประชาชนที่มาชุมนุม โดยที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีบริหารงานล้มเหลว งบประมาณไม่เพียงพอในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อนาคตอาจไม่มีเงินเดือนจ่ายให้ข้าราชการ ดังนั้นขอให้นายกรัฐมนตรียอมรับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นและยอมรับความผิดพลาด เพราะทุกวันนี้ยังไม่ยอมรับและบอกให้ประชาชนสนับสนุนการทำงาน
"ผู้นำที่ดีจะต้องมีทั้งความซื่อสัตย์ กล้าหาญ เสียสละ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีตรงนี้ และหากยังดึงดันไม่ยอมรับสภาพเช่นนี้ต่อไป ให้ระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่"พล.ต.อ.เสรี กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ให้ใช้สถานที่ในการแสดงออก จะถือเป็นตราบาปของสถาบัน และอยากขอให้ผู้บริหารทบทวนการตัดสินใจ ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยไม่ใช่ของผู้บริหารหรือของรัฐบาล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องเลือกว่าจะหาทางออกหรือทางตันให้ประเทศ ถ้าจะหาทางออกคือ ต้องเปิดพื้นที่สาธารณะ แต่ถ้าทางตันคือผลักไปให้อยู่ในโลกโซเชียลอย่างเดียว และถือเป็นการปิดกั้นความคิดของนักศึกษา และเวลาอีก 2-3 วันนี้ยังมีเวลาที่จะเลือกว่าให้ประเทศเดินไปทางไหน ถ้าผลักไปสู่ทางตันบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ จึงขอให้ทุกคนร่วมกันคิดหาอนาคตของประเทศด้วยกัน