นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เสนอให้มีการตรวจสอบการลงชื่อญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดว่าซ้ำซ้อนหรือไม่นั้นว่า ไม่เป็นปัญหาเพราะญัตติที่มีการเสนอมาทั้ง 6 ฉบับ ไม่ได้มีหลักการซ้ำกัน ส.ส.จึงสามารถลงชื่อซ้ำในแต่ละฉบับได้
สำหรับการการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา มีการเสนอญัตติทั้งสิ้น 8 ฉบับ แต่มีปัญหา 2 ฉบับที่ไม่สามารถบรรรจุเป็นวาระได้ คือร่างฉบับของพรรคก้าวไกลที่ลงชื่อร่วมกับรัฐบาลแต่มีการถอนชื่อทำให้มีชื่อเสนอญัตติไม่ครบถ้วน และร่างของพรรคเพื่อไทยในประเด็นแก้ไขระบบการเลือกตั้งที่เกินข้อบังคับเพราะเนื้อหาอื่นสอดแทรกที่นอกเหนือจากการเลือกตั้ง เช่น การยกเลิกบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีด้วย จึงต้องเสนอญัตติแก้ไขประเด็นเลือกตั้งเข้ามาใหม่ ทำให้ขณะนี้เหลือเพียง 6 ญัตติ ประกอบด้วย ญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขมาตรา 256, ญัตติของพรรคฝ่ายค้านในการแก้ไขมาตรา 256, ญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน อีก 4 ญัตติที่เพิ่งเสนอเข้ามาใหม่ ซึ่งมีความสำคัญที่เป็นการแก้ไขอำนาจ ส.ว., แก้ไขระบบเลือกตั้ง, แก้ไขการนิรโทษกรรม คสช.
นพ.ชลน่าน ยังเรียกร้องให้ 250 ส.ว.มาร่วมกันหาทางออก ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่า ส.ว.ทั้ง 250 คน เป็นบุคคลชั้นนำของประเทศ เคยรับราชการ และเคยทำงานในเอกชนที่ล้วนแล้วแต่มีผลงาน แต่ต้องมาถูกครอบด้วยระบบและแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย เช่น หน้าที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หรือติดตามการปฏิรูปประเทศ ดังนั้นจึงอยากวิงวอนให้ 250 ส.ว. มาร่วมกันหาทางออก และเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้เป็นอีกมุมของการปลดทุกข์ให้กับทั้ง 250 ส.ว.
สำหรับการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ามีผลโดยตรงต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีแรงต้านแต่ปัจจุบันท่าทีของหลายฝ่ายเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงรัฐบาลด้วย
ส่วนกรณีที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังไม่ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนในมาตรา 77 นั้น ยืนยันว่า ตามมาตรา 77 ไม่ได้ครอบคลุมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช้กระกระบวนการตามมาตรา 286 เท่านั้น