นายอานนท์ นำภา ทนายสิทธิมนุษยชน แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก กล่าวบนเวทีปราศรัยบนเวทีการชุมนุมว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีพิธีสำคัญคือการปักหมุดคณะราษฎรหมุดที่สอง ซึ่งถูกหล่อมาด้วยทองเหลืองขนาด 11 นิ้ว จะปักลงในแผ่นดินในช่วงย่ำรุ่งของวันที่ 20 ก.ย. และจะประกาศร่วมกันว่าประเทศนี้เป็นของราษฎรทั้งผอง วันนี้คณะราษฎร 2563 ได้ก่อเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการที่สนามราษฎรแห่งนี้ พรุ่งนี้ประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 2 จะถูกอ่าน ทุกคนจะเป็นไท
นายอานนท์ ย้ำข้อเรียกร้องทั้ง 10 ข้อ และ 1 ความฝัน โดยเฉพาะข้อเรียกร้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง และอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง โดยได้ยกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบทบาทในอดีตของสถาบันกษัตริย์ที่มองว่าเป็นการเกี่ยวข้องกับการเมือง
พร้อมกันนั้นยังเปิดเผยว่าได้หารือกับนายนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม โดยจะร่วมกันเสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่เกินขอบเขตประชาธิปไตย โดยย้ำเจตนาว่าอยากเห็นบ้านเมืองอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอยากให้สถาบันกษัตริย์อยู่คู่สังคมไทย
และเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องที่มีการกล่าวหาว่าการชุมนุมของเยาวชนปลดแอกเป็นการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ โดยขอให้ตุลาการฯ ซื่อสัตย์กับความคิดของตัวเองว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขออย่ารับใช้อำนาจเผด็จการที่อยู่ได้ไม่นาน และขอเรียกร้องข้อที่ 11 ว่าหากมีการรัฐประหาร ศาลต้องไม่รับรองอำนาจของคณะรัฐประหาร ต้องกล้าพิพากษาว่าเป็นกบฎ
"มีคนไปร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลก็รับคำร้องว่า การชุมนุมเป็นการล้มล้างสถาบัน คำพิพากษาของท่านที่กำลังจะเกิด ถ้าท่านตัดสินว่าสิ่งที่เราทำเป็นการปฎิรูป มันก็จะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าท่านตัดสินว่าเป็นการล้มล้างสถาบัน มันก็จะเป็นเช่นนั้นเช่นกัน ปากกาอยู่ที่ท่าน ท่านจะเลือกกำหนดอนาคตไปทางไหน ท่านเลือกเอง"นายอานนท์ กล่าว