นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่มีเนื้อหาหมิ่นเหม่ว่า ไม่ได้ติดตาม จึงไม่ทราบแน่ชัดว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่ได้ยินข้อเรียกร้องมาบ้างที่เรียกร้องไปยังสำนักงานองคมนตรีผ่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ส่วนกรณีเนื้อหาการอภิปรายของผู้ชุมนุมที่หมิ่นเหม่นั้น รัฐบาลคงไม่เข้าไปทำอะไร เพราะการดำเนินการใดๆ ที่จะนำไปสู่คดีความ ต้องให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ขณะที่นายวิษณุ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อฟังเนื้อหาการปราศรัย โดยกล่าวว่า "พิศวง" และย้อนถามว่าพิศวงหมายความว่าอะไร สื่อมวลชนจึงตอบว่า "งง" นายวิษณุ จึงตอบว่า "ก็เท่านั้น ไม่มีอะไร"
อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม 2-3 เรื่องถือว่าเป็นไปได้ เช่น การห้ามคุกคามประชาชน ซึ่งขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยคุกคาม ซึ่งการที่รัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายจะถือว่าคุกคามไม่ได้ เพราะหากคุกคามจริงคงไม่สามารถชุมนุมกันได้
ส่วนข้อเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญนั้น ญัตติของพรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในอีก 2-3 วันข้างหน้าแล้ว จึงขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งคงจะเร็วกว่านี้ไม่ได้ เพราะสุดท้ายต้องนำไปสู่การออกเสียงประชามติ ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังเร่งดำเนินการเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อให้ทันเปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 1 พ.ย.63
"ต่อให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ผ่านสภาฯ แล้วก็ต้องรอกฎหมายประชามติ เมื่อสองส่วนเสร็จสิ้นก็จะไปออกเสียงประชามติ ตอนนี้พอคำนวณวันได้ แต่ไม่ขอพูด เป็นปฏิทินที่รัฐบาลคิดไว้" นายวิษณุ กล่าว
พร้อมระบุว่า การร่างรัฐธรรมนูญแม้จะพิจารณาร่วมกันได้ แต่การลงมติต้องทำทีละร่าง ซึ่งต้องใช้เวลาและมีเวลาพิจารณาเพียง 2 วันก่อนปิดสมัยประชุม ดังนั้นจึงต้องควบคุมกันให้ดี
ขณะที่ข้อเรียกร้องให้ยุบสภาและรัฐบาลลาออกนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีข้อเรียกร้องนี้หรือไม่ แต่ต้องถามว่าจะให้อะไรเกิดก่อน-เกิดหลัง เพราะถ้าให้มีบางอย่าง บางอย่างจะตามมาไม่ได้ แม้ว่าหากรัฐบาลลาออกแล้วกระบวนการต่างๆ ในสภาจะยังเดินต่อไปได้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญไม่เสร็จก็ต้องกลับไปใช้กระบวนการเดิมที่เขาไม่พอใจ