พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายกลางที่ประชุมรัฐสภาว่า การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยังเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้นให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีจากแคนดิเดทที่เหลืออีก 3 คน คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย จากนั้นก็ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปตามขั้นตอน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้ยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 60 จัดทำขึ้นตามความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อสืบทอดอำนาจต่อเนื่องหลังการรัฐประหาร และมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่ระหว่างนั้นก็เกิดเรื่องทุจริตหลายครั้งแต่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เช่น อุทยานราชภักดิ์, เครื่องตรวจระเบิด GT-200, นาฬิกาหรู, การขุดลอกคลองของทหารผ่านศึก เป็นต้น
การแต่งตั้ง ส.ว.ชุดปัจจุบันเรียกว่าเป็นวุฒิสภาเพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากลเหมือนในอดีต แม้ที่ผ่านมาจะมาจากการเลือกก็ตามแต่ยังถูกวิจารณ์ว่าเป็นสภาผัวเมีย
รายงานข่าว แจ้งว่า ตลอดการอภิปรายของหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยมีสมาชิกรัฐสภาลุกขึ้นประท้วงหลายครั้ง เนื่องจากมีการกล่าวเสียดสีและพาดพิงถึงบุคคลอื่นด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่เป็นสมาชิกรัฐสภาและบุคคลภายนอก ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้กล่าวเตือนหลายครั้งเช่นกัน