ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และน.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ
สำหรับกรณีของน.ส.ปารีณา ถูกกล่าวหาว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ ส.ส.เข้าไปแทรก แซงการปฏิบัติหน้าที่ราชการ จากการนำเจ้าหน้าที่รัฐไปตรวจสอบที่ดินใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ขณะนั้น บุกรุกป่าหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การกระทำของ น.ส.ปารีณา ผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นเพียงการติดตามเรื่องร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ 1 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการอันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแชงในเรื่องการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ส่วน น.ส.ศรีนวล ผู้ถูกร้องที่ 2 ถูกกล่าวหาว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ ส.ส. เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 โดยขณะเป็น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เดินทางเข้าไปพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ จัดสรรงบฯ ให้โรงพยาบาลในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ หรือไม่นั้น
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นการแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ 2 เพื่อให้ รมว.สาธารณสุข รับทราบเท่านั้น และไม่ปรากฎพฤติการณ์อื่นใดของผู้ถูกร้องที่ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือให้ความเห็นชอบในการจัดทำโครงการใด ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข และไม่ได้เป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการอันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงในลักษณะที่ทำให้ตนเองมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือให้ความเห็นชอบในการจัดทำโครงการใดๆ ของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม