พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภาเลื่อนการลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 6 ฉบับออกไปอีก 1 เดือน พร้อมกับตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษานั้นไม่ได้เป็นการยื้อเวลา แต่เป็นไปตามขั้นตอนการทำงานของรัฐสภา ซึ่งตนเองยังเข้าใจว่าจะมีการลงมติ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นไปอย่างที่ทุกคนเห็น การชะลอออกไปก็เป็นไปตามข้อบังคับตามกฎหมาย หากจะเกิดอะไรขึ้นก็เป็นเรื่องของวันข้างหน้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเอง ไม่ทำให้สถานการณ์ของตนเองดีขึ้นหรือเลวลง แต่มันเป็นเรื่องของการเป็นประชาธิปไตยที่ต้องรับฟังความคิดเห็น เดินหน้าไปด้วยกันได้ด้วยความปรองดอง
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีการล็อบบี้หรือสั่งการใคร เพราะ ส.ว.ทุกคนมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ซึ่งมีทั้งในส่วนของ ส.ว.ที่มาจากการเลือกของประชาชน และการแต่งตั้งผู้ที่มีความรู้ความสามารถจากทุกภาคส่วน ดังนั้นขอให้รับฟังคนเหล่านี้เพื่อจะได้รู้ว่าไม่มีเรื่องใดที่จะเอื้อกับตนเอง ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก และอีกอย่างตนเองคงไม่อยู่ในตำแหน่งตลอดไป สิ่งไหนที่หารือพูดคุยกันได้ก็เป็นแนวทางที่ดี ตนเองไม่ขัดข้องต่อแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของรัฐบาลหรือไม่นั้น ทางฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่
"ผมไม่ได้จะอยู่กันจนโลกแตก เรื่องใดที่หารือกันได้ก็หารือกัน ช่องทางไหนที่พูดกันได้จะแก้ไขกันได้ก็พูดกันไป จะแก้ทั้งฉบับ แก้บางมาตราก็แล้วแต่ ให้เกียรติสภาเพราะเป็นตัวแทนประชาชนทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้จากการติดตามบรรยากาศการประชุมในวันแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่การอภิปรายในวันที่สองเห็นได้ว่ามีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในประเด็นที่สำคัญโดยเฉพาะการก้าวล่วงสถาบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนรับไม่ได้ และเกิดขึ้นในที่ประชุมเมื่อวานนี้
โดยส่วนตัวมองว่าทุกคนเป็นผู้ทรงเกียรติ จึงต้องเคารพซึ่งกันและกัน เพราะเป็นวิถีทางของรัฐสภา แต่หากใส่ร้าย บิดเบือนก็รับได้ยาก ดังนั้นจึงต้องมองว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย
ส่วนกรณีมีข้อเรียกร้องให้ยุบสภาหรือลาออกนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ วันนี้จะใช้อำนาจใดมากดดัน เพราะรัฐธรรมนูญยังอยู่ จะใช้ความรุนแรงความแตกแยกมากดดันต้องบอกว่าคุ้มค่าแล้วหรือไม่ ขณะที่หลายคนก็รู้วัตถุประสงค์การดำเนินการอยู่แล้ว ขณะที่ฝ่ายกฎหมายยอมรับว่าลำบากใจ แต่ตนเองได้ให้แนวทางไปแล้วในการดำเนินการอย่างไร ไม่วันนี้ก็วันหน้า อายุความของคดียังมี โดยทุกวันนี้ตนเองโดนต่อว่ามาโดยตลอด และใช้ความอดทนมาอย่างเต็มที่แล้ว
ส่วนที่มีการรณรงค์ให้มาร่วมชุมนุมในขณะนี้ นายกรัฐมนตรีขอฝากคนไทยทุกคนช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานหนักเพื่อประคับประคองให้สถานการณ์เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด และไม่ได้นิ่งนอนใจการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ชุมนุม โดยขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เนื่องจากหลายคนพยายามไม่เคารพกฎหมาย ดังนั้นจึงต้องมองว่าจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่อยากให้เกิดการชุมนุม และไม่อยากให้ใครใช้การชุมนุมทำให้ประเทศไม่ปลอดภัย ขณะที่การชุมนุมเคลื่อนไหวในเดือนตุลาคมจะเห็นว่ามีมาโดยตลอด ดังนั้นถ้าหากมองในเรื่องประวัติศาสตร์ ก็ขอให้ทุกคนศึกษาประวัติศาสตร์ในเรื่องที่ดีแล้วนำมาใช้ และมองอีกว่า ความขัดแย้ง สงครามอาจเกิดได้ทุกภูมิภาคของโลก แต่ต้องช่วยกันไม่ให้เกิดในประเทศที่ถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีศักยภาพในทุกด้าน ดังนั้นต้องหาแนวทางออกด้วยสันติวิธี
ขณะที่ข้อเสนอในการนัดประท้วงหยุดงาน หยุดเรียน ในวันที่ 14 ตุลาคมของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่ได้กำชับอะไร ทุกคนมีสิทธิจะคิดและทำได้ตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ต้องเคารพกฎหมาย และอยากให้มองว่าประเทศมีปัญหามากมาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และโรคระบาดจึงขอให้มองว่าบางอย่างสมควรจะทำหรือไม่ ทำแล้วได้อะไร หรือใครได้รับประโยชน์ เหล่านี้จึงอยากฝากให้คนไทยทุกคนช่วยคิด
ทั้งนี้ การชุมนุมอย่างต่อเนื่องกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้าขายทุกระดับ รวมถึงการจราจร ซึ่งต้องมองว่า หากเศรษฐกิจเดินต่อไปไม่ได้ และมีโรคระบาดประเทศจะเดินไปอย่างไร และห่วงว่าหากมีการชุมนุมและเกิดระบาดอีกรอบก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี