นายวิชา มหาคุณ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน กล่าวภายหลังเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมว่า ได้มีการจัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงปฏิรูปกฎหมาย โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และ กฎหมายเกี่ยวกับการสอบสวนคดีอาญา โดยได้เสนอให้การทบทวนในประเด็นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายให้ยึดหลักตามระบบอาวุโส และความรู้ความสามารถ และในประเด็นเรื่องให้อิสระกับฝ่ายสอบสวน และควรเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษให้กับฝ่ายสอบสวนที่มีความรู้ ความชำนาญ
ทั้งนี้ นายวิชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอซึ่งในเรื่องการให้อิสระกับฝ่ายสอบสวนนั้นไม่ขัดข้อง แต่เรื่องระบบการแต่งตั้งที่ไม่เป็นไปตามหลักอาวุโสมานาน จึงอาจใช้วิธีการออกเป็นเฉพาะกาลไว้ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน
พร้อมกันนี้ ได้เสนอเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญาและการแก้ไขพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพราะในมาตรา 145/1 ที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการพิจารณาข้อขัดแย้งกับตำรวจ ซึ่งคณะทำงานได้เสนอให้กลับไปเป็นแบบเดิมเพื่อให้ฝ่ายปกครองมีอำนาจในการทวงติงการสืบสวนของตำรวจ
นอกจากนี้ ได้เสนอให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.นิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรม แม้จะมีผลการตรวจสอบจากฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจ แต่หากอีกฝ่ายไม่พอใจ สามารถใช้หลักฐานจากนิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรม เพื่อที่จะคานอำนาจกันได้
ทั้งนี้ นายวิชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยการเปลี่ยนระบบกล่าวหาเป็นระบบไต่สวน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายถือว่าได้สิ้นสุดแล้ว แต่หลังจากนี้จะติดตามงานในเรื่องของการปรับปรุงปฏิรูปกฎหมาย โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ
ส่วนกรณีคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยานั้น นายวิชา กล่าวว่า วันนี้ถือว่าครบกำหนดเวลาแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับฟังความเห็นทั้งหมด โดยยืนยันว่า คดีนี้ไม่มีล้มแน่นอน และคดีความได้เริ่มนับหนึ่งใหม่และเดินหน้าไปสู่การฟ้องร้องและต้องรอดูว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีเมื่อไหร่