นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา เปิดแถลงข่าวถึงความชัดเจนที่จะดำเนินการทางการเมืองร่วมกับกลุ่มรวมใจไทย โดยคาดว่าเร็วๆ นี้จะมีความชัดเจนในเรื่องของชื่อพรรค และหัวหน้าพรรค แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าได้มีการทาบทาม ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย และนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ มาเป็นหัวหน้าพรรคตามที่เป็นข่าว
ส่วนการร่วมงานการเมืองกับกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์, กลุ่มกรุงเทพ 50 และพรรคประชาราชนั้น นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย จะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเพื่อแสวงหาแนวทางความร่วมมือกันต่อไป
"เราไม่ได้ปิดกั้นกลุ่มอื่นๆ มอบหมายให้ท่านประดิษฐ์(ภัทรประสิทธิ์) เป็นคนไปประสานคนเดียวจะได้คุยกันได้ง่าย" นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่การรวมกลุ่มกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มไทยรักไทยเดิมนั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า ยังไกลเกินไปที่จะรวมกลุ่มกันตอนนี้ และมองว่าถ้ารวมกันแล้วการเลือกตั้งจะไม่สงบ
นายสมศักดิ์ ยังมั่นใจว่า ฐานเสียงของกลุ่มมัชฌิมายังมีอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยขณะนี้ได้แบ่งหน้าที่ให้กลุ่มรวมใจไทยทำการเมืองในเขตกรุงเทพ เพราะยังมีฐานเสียงอยู่ ส่วนทางแถบอีสานและอื่นๆ จะเป็นหน้าที่ของกลุ่มมัชฌิมา
ด้านนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย เปิดเผยว่า กล่มมัชฌิมากับกลุ่มรวมใจไทยตกลงจะรวมกันเพื่อจัดตั้งพรรคและดำเนินการทางการเมือง โดยเสนอตัวที่จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ส่วนกลุ่มอื่นยังอยู่ระหว่างการประสานงาน โดยจะพยายามให้มีข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้
"กลุ่มมัชฌิมาและกลุ่มรวมใจไทยตกลงจะดำเนินการทางการเมืองด้วยกัน เพื่อดำเนินการเลือกตั้ง และเป็นทางเลือกให้กับบ้านเมือง ตอนนี้ยังมีแค่ 2 กล่ม กลุ่มอื่นผมจะประสานต่อไปว่าใครจะเข้ามารวมบ้าง อยากให้เสร็จภายในวันที่ 30 ส.ค.เพื่อจะได้เดินหน้าทุกอย่าง" นายประดิษฐ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า การรวมตัวกันระหว่างกลุ่มมัชฌิมากับกลุ่มรวมใจไทยไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะเป็นสิ่งที่เคยหารือร่วมกันมานานแล้ว เพียงแต่เพิ่งถึงเวลาที่เหมาะสม และเชื่อมั่นว่าการร่วมงานทางการเมืองกันในครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอทางเลือกใหม่ให้ประชาชนและสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในปัจจุบันและเป็นทางออกที่ดีให้แก่ประเทศชาติได้
ขณะที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย กล่าวว่า ทั้งสองกลุ่มอยากรวมกันมานานแล้ว เพราะเห็นว่ามีจุดแข็งต่างกัน ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ยิ่งเห็นผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว ทำให้แกนนำทั้งสองกลุ่มคิดว่าควรที่จะรวมกัน
"รวมใจไทยมีจุดแข็งในเมือง ส่วนมัชฌิมามีจุดแข็งในชนบท จึงคิดว่าหากรวมกันแล้วจะสร้างความแข็งแกร่งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง" นายเอนก กล่าว
นายเอนก กล่าวว่า ทางกลุ่มถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชน เพราะจะเห็นว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นในการทำประชามติ บ้านเมืองมีความแตกแยก
"เราคิดมากกว่าการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันกันตามปกติ เพราะต้องแก้ปัญหาความแตกแยก ทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความปรองดอง สมานฉันท์" นายเอนก กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--