ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่มีเหตุผลตามกฎหมายที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้ และข้อกำหนดจำกัดสิทธิต่างๆ ที่ออกตามมานั้น ไม่เข้าข้อยกเว้นที่ได้อนุญาตไว้ตามรัฐธรรมนูญ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง แต่เป็นการใช้กฎหมายเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการจำกัดการแสดงออก ซึ่งความคิดเห็นทางการเมืองและการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชน ที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศข้างต้น อันเป็นการบิดเบือนการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อประโยชน์ของตนโดยอ้างความสงบเรียบร้อยเป็นเกราะบังหน้าเท่านั้น
พรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยทันที เพราะการกระทำดังกล่าวไม่ต่างกับการยึดอำนาจและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องให้หลักประกันในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมือง การชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ เสรีภาพในการเสนอข่าวสารและการส่งข้อมูลซึ่งกัน และต้องไม่กระทำการใดอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพดังกล่าว ดังเช่นการสลายการชุมนุมเมื่อเช้าวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา
ขณะนี้เป็นที่ปรากฏชัดว่าได้มีการส่งกำลังทหารจำนวนมากเข้ามาในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและเข้าควบคุมสถานที่ต่างๆ เช่น อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นที่ทำงานของฝ่าย นิติบัญญัติ ซึ่งการใช้กำลังทหารจำนวนมากดังกล่าวไม่เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นจริง
การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศต่อสังคมโลก และอาจนำมาซึ่งเหตุการณ์รุนแรงภายในอนาคตอันใกล้ได้ อีกทั้งเป็นการฉวยโอกาสใช้อำนาจพิเศษในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา ทำให้ระบบรัฐสภาไม่สามารถตรวจสอบการกระทำดังกล่าวได้ จึงขอให้นำกองกำลังทั้งหมดกลับเข้าที่ตั้งและให้หน้าที่การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามปกติ
พรรคร่วมฝ่ายค้านขอคัดค้านและต่อต้านการใช้กำลังและความรุนแรงทุกรูปแบบ กับนักศึกษาและประชาชน ขณะเดียวกันก็ไม่สนับสนุนให้มีการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงเช่นกัน และจะขอใช้สิทธิในการประกันตัวนักศึกษาและประชาชนผู้ถูกจับกุมทุกคน ซึ่งจากการติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาและประชาชนมาโดยตลอด เห็นร่วมกันว่าการใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวยังอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีเหตุผลใด ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมและออกข้อห้ามมิให้มีการชุมนุม
และขอให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญโดยเร็ว เพื่อจะได้นำปัญหาต่างๆ เข้าแก้ไข ผ่านระบบรัฐสภา
พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเฝ้าติดตามการใช้อำนาจของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างใกล้ชิด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้จะไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะทำให้นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงในอนาคต