กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมคณะราษฎรรวมตัวปิดแยกปทุมวันแล้ว โดยเฉพาะบนพื้นถนน และบริเวณสกายวอล์คทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า หลังจากที่แกนนำการชุมนุมสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียไปยังแนวร่วมให้ย้ายสถานที่นัดหมายชุมนุมในเวลา 17.00 น.วันนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นรอบแยกราชประสงค์ รวมทั้งเส้นทางรอบด้านที่จะเดินทางเข้าไปยังบริเวณดังกล่าว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งได้ย้ายกำลังที่ปิดล้อมแยกราชประสงค์เพื่อไปยังแยกปทุมวัน โดยกระจายตัวรักษาความเรียบร้อย แต่ยังไม่สามารถปิดกั้นการเดินทางเข้ามาสมทบของผู้ชุมนุมได้
เมื่อถึงเวลานัดหมาย 17.00 น.ผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันบริเวณแยกปทุมวันเพิ่มจำนวนขึ้นจนล้นมาปิดการจราจรทั้งหมด โดยรวมตัวกันชูสามนิ้วเป็นสัญลักษณ์การทำกิจกรรมการชุมนุมร่วมกัน พร้อมทั้งตะโกนว่า "ปล่อยเพื่อนเรา" "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" ล่าสุดยังมีการเคลื่อนรถกระบะติดตั้งเครื่องขยายเสียงเข้ามากลางจุดชุมนุมแล้ว
ส่วนแยกราชประสงค์ยังคงปิดกั้นไม่ให้ผ่านเข้า-ออกเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากการแกนนำการชุมนุมว่าจะไม่ปักหลักค้างคืนในวันนี้ แต่จะเดินหน้าจัดการชุมนุมต่อเนื่องเพื่อยืนยันข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของคณะราษฎรต่อไป
ขณะที่กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) เลื่อนการแถลงข่าวเพื่อประกาศเตือนเป็นครั้งที่ 3 เพื่อห้ามการชุมนุมทางการเมืองออกไปเป็นเวลา 17.00 น.เช่นกัน
ทั้งนี้ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และสยามดีสคัฟเวอรี่ ได้ประกาศขอปิดให้บริการก่อนกำหนดเวลาปกติเป็นเวลา 17.00 น.ส่วนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ปิดให้บริการเพิ่มอีก 3 สถานี ได้แก่ สถานีสยาม สนามกีฬาแห่งชาติ และสถานีราชเทวี รวมถึงปิดสกายวอล์ค จนถึงสนามกีฬาด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปิดบริการที่สถานีราชดำริ และสถานีชิดลม ในเวลา 15.00 น. ส่วนรถไฟฟ้า MRT จะปิดให้บริการสถานีสามย่าน เพื่อป้องกันไม่ให้มวลชนเข้าพื้นที่แยกปทุมวัน
ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ และผู้ประกอบการรถตู้โดยสารปรับอากาศ จึงมีความจำเป็นที่จะให้บริการรับ - ส่ง ประชาชน ถึงบริเวณป้ายหยุดรถโดยสาร ในรัศมี 5 กิโลเมตร ก่อนถึงแยกราชประสงค์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินรถผ่านพื้นที่การชุมนุมฯ ตั้งแต่วันนี้ (16 ตุลาคม 2563) เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า การปิด/เปิดการจราจรและระบบขนส่งสาธารณะนั้นจะพิจารณาไปตามสภาพปัญหาที่เปลี่ยนแปลงไปจนกว่าผู้ชุมนุมจะเห็นความสำคัญของกฎหมาย