นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมทั้ง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หารือร่วมกันแล้ว ซึ่งที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้คณะรัฐมนตรีขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหาทางออกสำหรับบ้านเมืองจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ขณะเดียวกัน นายชวน ยอมรับว่าได้ต่อสายโทรศัพท์เพื่อพูดคุยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จริงตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองไม่ขัดข้องเปิดประชุมวิสามัญ แต่ต้องดำเนินการทำเรื่อง ซึ่งเหลือเวลาอีก 11 วัน และเข้าใจดีว่าเวลามีค่าในการคลี่คลายสถานการณ์ขณะนี้ โดยที่ประชุมได้พูดถึงการเสนอให้เปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 165 และให้ ส.ว.มีส่วนร่วมด้วย
"ทุกคนต่างเห็นด้วย แต่ยังติดที่เงื่อนเวลา ที่อีกไม่กี่วันจะเปิดสมัยประชุมสามัญแล้ว ซึ่งจะหารือกันต่อไป...ในหนังสือที่ส่งไปให้รัฐบาล จะระบุว่าควรเปิดประชุมสมัยวิสามัญวันใด เพื่อให้ทันเวลา ยืนยันว่าเรามีความจริงใจในการแก้ปัญหาบ้านเมือง" นายวิรัชกล่าว
ขณะเดียวกันพรัอมนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาสมัยวิสามัญได้ และฝากผู้ชุมนุมว่าได้พยายามเต็มที่ในทิศทางที่ดีที่สุดแล้ว แต่ยอมรับว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ iLaw ขณะนี้ได้ทำเอกสารนับแสนฉบับส่งกลับไปให้ผู้เข้าชื่อได้ยืนยันการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งกระบวนการจะเสร็จสิ้นกลางเดือน พ.ย.63
ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญจะทันในสัปดาห์นี้หรือไม่ ต้องอยู่ที่ครม.และขั้นตอนต่างๆ ซึ่งนายชวน จะรีบทำหนังสือถึงรัฐบาล เพราะการให้รัฐบาลเสนอขอเปิดประชุมจะทำได้เร็วกว่า และโดยส่วนตัวเชื่อว่าจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้
"อยากเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อให้ ส.ว.เข้าร่วมด้วย มองว่าเวลาไม่ใช่อุปสรรค จะทำเต็มที่ ส่วนเปิดประชุมแล้วจะหารือเรื่องใด นั้น หลายคนพูดถึงเรื่องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หารือครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเล่นเกมการเมือง เพื่อลดกระแสการชุมนุม แต่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา" นายสุทินกล่าว
พร้อมย้ำว่า การเปิดประชุมสมัยวิสามัญครั้งนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น จะเป็นการพูดถึงสาระล้วนๆ ไม่ทะเลาะกัน แต่จะยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง