พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก สตช.) แถลงผลประชุมกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ว่า สตช.พร้อมรับสถานการณ์ทุกฝ่าย โดยต้องดูแลให้เกิดความสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมาย การรักษาความสงบของสังคม และการดูแลความปลอดภัยของประชาชน
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของมวลชนด้านใด สตช.ก็ต้องดูแลให้เกิดความสมดุลทั้ง 3 ด้าน โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ประชุมทบทวนแนวปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปในทิศทางใด สตช.ก็มีกำลังพลพร้อมปฏิบัติหน้าที่ แต่หากมีความจำเป็น กอร.ฉ.สามารถขอกำลังสนับสนุนจากหน่วยงานข้างเคียงที่พร้อมมาเข้าร่วมปฏิบัติ
"เราเตรียมพร้อมรับบิ๊กเซอร์ไพร์สทุกวันอยู่แล้ว...ไม่เป็นเรื่องหนักใจที่เราต้องเผชิญเหตุ" พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าว
ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา สตช.สามารถรักษาสมดุลทั้ง 3 ด้านได้ดีพอสมควร และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่สร้างความหนักใจ ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายใดก็ตามจะถูกลงโทษเช่นเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยก และมีความเป็นห่วงที่จะเกิดความรุนแรง
สำหรับการตัดสินใจเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ขณะที่ สตช.เป็นหน่วยรับปฏิบัติ ซึ่งต้องดำเนินการไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และทำตามนโยบายรัฐบาล
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.เป็นต้นมา ได้จับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการชุมนุมแล้ว 77 ราย โดยเป็นการจับกุมตัวตามหมายจับ 22 ราย ตาม พ.ร.ก.อีก 54 ราย และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน 1 ราย ส่วนผู้กระทำผิดเพิ่มเติมนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน