นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเมื่อคืนนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความจริงใจ ปัดความรับผิดชอบในฐานะนายกรัฐมนตรี และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด เพราะเชื่อว่าการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้ เป็นแค่การซื้อเวลา เพราะจะไม่มีดอกผลหรือข้อสรุปใด ๆ ที่เป็นแนวทางการหาทางออกร่วมกันของสังคม
"ข้อเสนอของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้แก้ไขปัญหาในสภาฯ เป็นข้อเสนอเพื่อปัดความรับผิดชอบ และจะไม่เกิดขึ้นจริง ประยุทธ์เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาโดยผ่านกลไกรัฐสภา แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้บอกเลยว่ารัฐบาลมีท่าทีอย่างไรกับข้อเรียกร้อง 3 ข้อของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ในทางกลับกัน การประชุมที่จะเกิดขึ้นจะเป็นเวทีที่ฝ่ายรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาใช้ในการกล่าวหานักเรียน นักศึกษา และประชาชนว่า "ล้มเจ้า" ต่างหาก"นายธนาธร ระบุ
นายธนาธร เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ อ้างกระบวนการรัฐสภาเพื่อลอยตัวออกจากปัญหา ปัดความรับผิดชอบในฐานะนายกรัฐมนตรีมาหลายครั้งแล้ว ทั้งที่มีโอกาสใช้สภาแก้ไขปัญหามาหลายครั้งจริงๆ แต่ไม่เคยใช้โอกาสเหล่านั้นในการแก้ไขเลย รวมทั้งการตั้งกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญเมื่อเดือน ธ.ค.62 ไม่ก่อให้เกิดอะไร การตั้งกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาเมื่อเดือน ก.ค.63 เมื่ออภิปรายในสภาแล้วก็ไม่ก่อให้เกิดอะไรขึ้นเช่นกัน
และ เมื่อวาระในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่รัฐสภา แทนที่ทั้ง ส.ส. รัฐบาล และ ส.ว.จะโหวตรับหลักการในวาระหนึ่ง ก็กลับการตั้งกรรมาธิการศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญร่วมก่อนรับหลักการในเดือน ก.ย.ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำมันที่ราดกองไฟก่อให้เกิดการชุมนุมใหญ่โตของประชาชนในรอบนี้
ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้กำลังถอย แต่กำลังเปลี่ยนแนวทางจัดการกับคณะราษฎร 2563 แม้จะแถลงว่าให้ถอยคนละก้าว รัฐบาลจะถอยโดยยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง แต่ตนเองมองว่านี่ไม่ใช่การถอย แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีจากแนวจับกุมคุมขังและดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุม มาเป็นการใช้กลไกสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชน ทดแทนการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะ โดยกำลังปลุกให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง ให้ความขัดแย้งร้าวลึกยิ่งขึ้น จนประชาชนปะทะกันเองแทนปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาในหลายจังหวัด ได้เห็นการเกณฑ์มวลชนผ่านเครือข่ายข้าราชการ, ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล, นักการเมืองท้องถิ่น, นายอำเภอ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ครู และ อาสาสมัคร (อสม.) เพื่อแสดงความจงรักภักดี ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเห็นการระดมรณรงค์สื่อสารข้อความดังกล่าวอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของรัฐคือการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ให้คนที่มีความแตกต่างอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติในสังคม แต่วันนี้ รัฐไทยกำลังทำในสิ่งตรงกันข้าม โดยโหมกระพือไฟแห่งความเกลียดชังให้ลุกลามในสังคมด้วยข้อหาล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ปลุกระดมประชาชนเกินจริง ทำให้ประชาชนทั่วไปเชื่อว่า นักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการล้มล้างสถาบัน ทั้งนี้ เพื่อรักษาอำนาจของตนเอง รัฐบาลและชนชั้นนำจึงยัดเยียดข้อกล่าวหาเกินจริงเช่นนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เดียวคือการทำให้ประชาชนใช้ความรุนแรงต่อกันจนบานปลาย เพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปราม หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเข่นฆ่าประชาชน
นอกจากนั้ร พล.อ.ประยุทธ์ ไม่กล้ายอมรับความจริงเรื่องข้อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการแถลงวานนี้มีคำพูดที่มีนัยแฝงแสดงถึงการไม่ยอมรับและละเลยข้อเสนอเรี่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย ซึ่งยืนยันในที่นี้อีกครั้งว่าการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไม่เท่ากับการล้มล้างแน่นอน แต่ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีแม้แต่ท่าทีที่จะยอมรับ "การดำรงอยู่ของข้อเรียกร้อง" ของผู้ชุมนุม แล้วจะเริ่มถอยกันได้อย่างไร เมื่อไม่มีแม้แต่เจตจำนงในการหาทางออกร่วมกัน ดังนั้นการถอยคนละก้าวที่ประยุทธ์พูดถึง จึงไม่ใช่การถอยแน่ๆ
"ถ้าอยากพิสูจน์ความจริงใจเรี่องการถอย พรุ่งนี้ออกจากตำแหน่งเลยครับ"นายธนาธร ระบุ