พรรคก้าวไกล ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจติดตามสถานการณ์ชุมนุมกลุ่มคนรุ่นใหม่

ข่าวการเมือง Thursday October 22, 2020 18:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พรรคก้าวไกล เปิดตัวคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชน โดยมีพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยระบุว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคฯ ได้เสนอให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชน ประกอบด้วย 8 คณะทำงาน คือ 1.กองอำนวยการ ทำหน้ากำหนดกรอบนโยบายการติดตามการชุมนุมของคณะอื่นๆ 2.คณะทำงานด้านคดีความ มีภารกิจช่วยเหลือด้านกฎหมายต่อผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดี 3.คณะทำงานสังเกตการณ์ชุมนุม มีหน้าที่ลงพื้นที่สังเกตการณ์ชุมนุม

4.คณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริง มีภารกิจสืบสวนสอบสวนและค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุม 5.คณะทำงานสื่อสาร มีหน้าที่แถลงและเผยแพร่ข้อมูลและผลการดำเนินงาน 6.คณะทำงานที่ปรึกษาทางกฎหมาย มีภารกิจให้คำปรึกษาทางกฎหมายต่อกองอำนวยการอื่นและประชาชน 7.คณะทำงานสนับสนุนทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีหน้าที่สนับสนุนการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อสังคมออนไลน์ และ 8.คณะทำงานกลั่นกรองข้อเท็จจริง มีภารกิจรวบรวมข้อมูลข่าวสารและสนับสนุนการกลั่นกรองข้อเท็จจริง

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ต.ค.63 ว่า มีข้อบกพร่องในการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจัดเส้นทางผ่านถนนพิษณุโลกที่มีผู้ชุมนุมอยู่ จนนำไปสู่การแจ้งความประชาชนจำนวนหนึ่ง ในคดีความตามมาตรา 110 ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง ซึ่งการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ ควรต้องสำรวจเส้นทางล่วงหน้า และมีการจัดเส้นทางสำรอง

นอกจากนี้ มีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าเป็นความบกพร่อง คือ คำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูง 3 นายในวันที่ 15 ต.ค.63 คือ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และพล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร และมีการสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุม

นอกจากนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) ยังได้ออกแถลงการณ์ว่าการกระทำดังกล่าวขัดกับหลักสากล และกรณีที่มีการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยการสั่งปิด Voice TV, The Reporter, The Standard และเพจเยาวชนปลดแอก ซึ่งแม้ว่าศาลแพ่งจะเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วก็ตาม

ตลอดจนการที่รัฐบาลใช้กลไกต่างๆ เกณฑ์คนมาสวมใส่เสื้อเหลือง มีประชาชนบางกลุ่มมาทำร้ายนักเรียน นิสิต นักศึกษา เหตุการณ์เหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชา ติและนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องยื่นญัติดังกล่าว

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว และแสดงว่าจะไม่เข้าไปสลายการชุมนุม เสนอให้ใช้สภาเป็นเวทีหาทางออกให้บ้านเมือง รวมทั้งมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งยังไม่ใช่เป็นการถอน พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยนายกรัฐมนตรี ยังสามารถประกาศได้ทุกเมื่อ

"เหมือนนายกรัฐมนตรีจะแสดงท่าทีในเชิงบวก แต่ข้อเท็จจริงคือยังมีการใช้กลไกของรัฐ ใช้เงินภาษี และทรัพยากรสาธารณะ ระดมพลคนสวมใส่เสื้อเหลืองมา มองว่าไม่ควรเป็นบทบาทของรัฐในสถานการณ์แบบนี้ ขอข้อสังเกตว่ารัฐบาลกำลังเล่นสองหน้าอยู่ คือด้านหนึ่งทำเหมือนว่าจะรับฟัง ลดอุณหภูมิทางการเมือง แต่อีกด้านหนึ่งคือการระดมคนมา ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังกันระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกัน" นายชัยธวัชระบุ พร้อมเรียกร้องว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หน้าที่ของรัฐบาลจะแสดงจุดยืนอย่างไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ