น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ "อุ๊ หฤทัย" พร้อมด้วยประชาชนกว่า 10 คนรวมตัวหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.วิทยุ เพื่อแสดงออกจุดยืนว่าต่างชาติไม่ควรเข้ามาแทรกแซงการเมืองหรือกิจการภายในของไทย และต้องการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในขณะนี้
น.ส.หฤทัย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งไทยและสหรัฐต่างมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้น แต่การเมืองไทยในปัจจุบัน มีการหยิบยกประเด็นสถาบันกษัตริย์มากล่าวถึงเพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้คนไทยเกิดความแตกแยก และมีการบิดเบือนว่าพระมหากษัตริย์อยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร ซึ่งไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ ต้นเหตุการทำรัฐประหารที่ผ่าน ๆ มาเกิดจากการที่นักการเมืองไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม อ้างช่องโหว่ของกฎหมาย มีเผด็จการรัฐสภา มีการทุจริตเชิงนโยบาย รวมทั้งการปลุกปั่นข้อมูลมาจากต่างประเทศ เหล่านี้ทำให้คนไทยต้องแตกแยกกัน
น.ส.หฤทัย กล่าวด้วยว่า เตรียมจะนัดรวมพลทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ เพื่อร่วมแสดงพลังในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ ของ น.ส.หฤทัย พร้อมกลุ่มที่สนับสนุนแนวทางเดียวกันวันนี้ ไม่ได้มีการยื่นหนังสือใดๆ ให้แก่สถานทูตสหรัฐ เป็นเพียงการแสดงออกของกลุ่มคนที่ต้องการเทิดทูนและออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น
ขณะที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีที่เมื่อเร็วๆ นี้ "เว็บบล็อก" ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนโดยเฉพาะได้เผยแพร่ภาพถ่ายของอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยที่บันทึกภาพไว้เมื่อหลายปีก่อนขณะดำรงตำแหน่งนั้น ซึ่งสถานทูตสหรัฐฯ ชี้แจงว่าเอกอัครราชทูตทุกท่าน และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ พบปะกันคนไทยในหลากหลายภาคส่วนอยู่เป็นประจำ มิใช่เพียงแต่นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคคลในรัฐบาล กองทัพ ภาคธุรกิจ และผู้นำในภาคส่วนอื่นๆ ด้วย
แต่การพบปะเช่นนี้ไม่ได้แสดงถึงการสนับสนุนมุมมองหนึ่งมุมมองใด และรัฐบาลสหรัฐไม่ได้ให้เงินทุนหรือให้การสนับสนุนอื่นใดแก่การประท้วงใดๆ ในประเทศไทย สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนบุคคล หรือพรรคการเมืองใด แต่สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
"ในฐานะมิตรประเทศของไทย เราสนับสนุนให้ทุกฝ่ายดำเนินการใดๆ ด้วยความเคารพและระมัดระวังต่อไป ตลอดจนมีส่วนร่วมในการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ ถึงแนวทางในการที่ประเทศจะก้าวต่อไปข้างหน้า" แถลงการณ์สถานทูตสหรัฐฯ ระบุ