ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2550 ของพรรคพลังประชาชน(พปช.) ซึ่งจัดให้มีการดีเบตแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่ห้องเวิลด์บอลรูม โรงแรมเซ็นธาราแกรนด์ เป็นไปอย่างคึกคัก
พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากสมาชิกพรรคพลังประชาชนเดิมให้เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์เพื่อชิงตำแหน่งดังกล่าว ขณะที่กลุ่มไทยรักไทยมอบหมายให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม.ร่วมดีเบต แต่ระหว่างการประชุมสมาชิกพรรคอาจเสนอชื่อผู้ที่จะร่วมดีเบตเพิ่มเติมก็ได้
เมื่อการดีเบตเสร็จแล้วผู้ที่ได้รับคะแนนมากที่สุดจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ หลังจากนั้นที่ประชุมจะเลือกกรรมการบริหารพรรคจำนวน 18 คน และหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็จะเลือกกรรมการบริหารพรรคอีก 18-19 คน ตามข้อบังคับพรรค
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า จะแสดงวิสัยทัศน์เรื่องการนำพรรคไปในทิศทางใดในอนาคต การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่จะต้องทำให้ดีขึ้น เพื่อปลดภาระของประชาชนที่มีอยู่ในขณะนี้ รวมถึงการแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ซึ่งตนเองไม่ได้รู้สึกหนักใจที่จะต้องดีเบตแข่งกับนายสมัคร เพราะเคยแข่งกันมาแล้วเมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
"ไม่มีการวางตัวผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนใหม่ไว้ล่วงหน้าอย่างที่มีกระแสข่าวอย่างแน่นอน ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคเป็นหลัก" พ.ต.ท.กานต์ กล่าว
ด้าน พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานที่ปรึกษา คปค.กล่าวว่า ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค พปช.เนื่องจากมีแนวความคิดและการดำเนินงานที่ตรงกัน แต่ไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้าหรือทะเลาะกัน และต้องการให้เกิดความปรองดองกัน
พล.อ.เรืองโรจน์ ยืนยันว่า การเข้ามาร่วมทำงานกับ พปช.เพราะมีอุดมการณ์และความคิดที่ตรงกัน ต้องการที่จะทำงานเพื่อชาติ ต้องการให้เกิดความสมานฉันท์ อย่าไปคิดว่าเข้ามาเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต
ขณะที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กรรมการบริหารกลุ่มไทยรักไทย และสมาชิก พปช.กล่าวว่า อนาคตทางการเมืองยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้งหรือในแบบสัดส่วน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ที่ออกมาโจมตียุติการพูดว่า พปช.จะไปแข่งกับกลุ่มผู้มีอำนาจหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะขณะนี้สังคมต้องการความปรองดอง และอยากให้นักการเมืองทำเพื่อชาติอย่างแท้จริง ไม่ควรที่จะแบ่งฝ่าย ส่วนผลการเลือกตั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน
นายสมชาย เชื่อว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)จะให้ความสำคัญกับทุกฝ่ายในการเลือกตั้ง และไม่รู้สึกห่วงเรื่องของคดีความที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เผชิญอยู่เพราะจะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และจะไม่ส่งผลทางการเมืองกับ พปช.
ส่วน น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการบริหารกลุ่มไทยรักไทย และสมาชิกพรรคพลังประชาชน ปฏิเสธข่าวกลุ่มไทยรักไทยใช้เงินเพื่อดึงตัวอดีต ส.ส.ให้อยู่ร่วมงานว่า เป็นเรื่องที่ล้าสมัยเหมือนเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว การใช้เงินมากหรือการซื้อเสียงไม่สามารถที่จะชนะได้เสมอไป เพราะขณะนี้ประชาชนหันมาเลือกนโยบายที่จะนำเสนอการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ใครที่ยังติดกับดักที่ยังใช้เงินอยู่เชื่อว่าในการเลือกตั้งจะไม่ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ รัฐบาล และ คมช.ควรเลิกใช้อำนาจในทางที่ให้คุณหรือโทษกับพรรคใดพรรคหนึ่ง รวมทั้งอยากฝากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ทำหน้าที่อย่างโปร่งใส เพราะเรามีข้อมูลจากการลงประชามติที่จะเสนอต่อ กกต.เพื่อพิจารณาว่า การลงประชามติที่ผ่านมานั้นยังมีข้อผิดพลาดเกือบจะทุกพื้นที่ บางพื้นที่มีการสับเปลี่ยนข้อมูลจากการโหวตไม่เห็นชอบมาเป็นเห็นชอบเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ซึ่งกลุ่มไทยรักไทยจะส่งข้อมูลนี้ให้กับ กกต.ในวันที่ 29 ส.ค.
"เราพร้อมที่จะต่อสู้ และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับจำนวนอดีต ส.ส.ที่อยู่กับกลุ่มไทยรักไทยจนถึงขณะนี้นั้นยังไม่นิ่ง คงต้องรอการสรุปอีกครั้งในเดือน ก.ย.ก่อนจึงจะมีความชัดเจน"น.พ.สุรพงษ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่นายสมัครถูก สตง.ฟ้องดำเนินคดีอาญากรณีโครงการกำจัดขยะของ กทม.นั้น น.พ.สุรพงษ์ ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงดำเนินการในช่วงที่จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคพลังประชาชนคนใหม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพิพากษาก็ถือว่านายสมัครเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าจะมีการพิสูจน์ในชั้นศาลให้เป็นที่แน่ชัดเสียก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--