นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะ มีส.ส.รัฐบาล และ ส.ว.บางส่วนยื่นตีความว่าการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขัดรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้พูดยาก เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของ ส.ส.ไม่ใช่ของรัฐบาล หาก ส.ส.และ ส.ว.สงสัยจะยื่นตีความนั้น เคยพูดในหลักการแล้ว อย่าทำให้กระบวนการสะดุด และ เท่าที่ดูก็ไม่สะดุด สามารถทำได้ เพราะผู้ที่ยื่นคงถือว่าไม่ทำตอนนี้ อนาคตอาจจะสายเกินแก้ หรือจะมีความเสียหาย เช่นทำประชามติแล้วจะยิ่งแย่กว่านี้
"เดาเอาว่าเขาอาจเจตนาดี เพราะไม่วันใดวันหนึ่ง มันก็ต้องส่งอยู่แล้ว เพราะการส่งตอนนี้อาจจะประหยัดเวลามากกว่าเพราะมันเป็นภาคบังคับถ้าออกเสียงประชามติเสร็จแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ระบุว่า หากมีสมาชิกรัฐสภาสงสัย มีสิทธิเข้าชื่อให้ศาลวินิจฉัยภายใน 30 วัน หากส่งตอนนี้อาจจะประหยัดเวลา 1 เดือนนั้นไป ถึงตอนนั้นอาจจะไม่ต้องส่งก็ได้" นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า หากมีอะไรตอนนี้ยังแก้ไขได้ทันเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ ภายใต้ข้อแม้ ไม่ให้สะดุดและในวันที่ 17-18 พ.ย. มีการโหวตวาระหนึ่ง หากผ่านก็ตั้งคณะกรรมาธิการ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และ หากในเวลาดังกล่าวส่งศาลรัฐธรรมนูญสำเร็จ เรื่องก็ไปอยู่ในศาล หากศาลบอกไม่ขัดก็หมดเรื่อง กระบวนการก็เดินหน้า โดยไปรอกระบวนการทำประชามติ แต่ต้องรอ พ.ร.บ.ประชามติมาใช้บังคับ ซึ่งคาดว่าเป็นเดือน ก.พ.ปีหน้า
พร้อมยืนยัน หากศาลรับเรื่องไว้กระบวนการในรัฐสภาก็ไม่หยุดชะงัก และรัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยก็ฉบับร่างของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ตนเองไม่กล้าพูดถึงฉบับอื่น
ส่วนจะมีโอกาสหรือไม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับเรื่อง เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีโอกาส เพราะเป็นการยื่นตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ 31 ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นความขัดแย้ง เป็นเรื่องสงสัยในอำนาจหน้าที่ของสภาฯ และมีหลายเรื่องไปที่ศาลไม่รับ ที่ผ่านมารัฐบาลเคยส่งไปหารือก็ไม่รับ ในสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนหลังจากนี้ จะมีการยื่นตีความว่าการทำประชามติจะมีก่อนหรือหลังรับหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ร่างที่ยื่นตอนนี้มีประเด็นดังกล่าวด้วย เพราะหากถามแค่ตั้ง ส.ส.ร.หรือไม่ ศาลคงไม่รับ