พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า การดูแลการชุมนุมตลอดแนวถนนราชดำเนินในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) ตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าต่อเนื่องไปจนถึงสนามหลวง จะใช้กำลังตำรวจจำนวน 34 กองร้อย โดยไม่มีการปิดการจราจร และวางเครื่องกีดขวาง แต่ในจุดที่สำคัญจะมีการวางกำลังเพื่อเตือนไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้สถานที่สำคัญ
โดยวันพรุ่งนี้ จะมีผู้ชุมนุมทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มนักเรียนเลว นัดชุมนุมหน้ากระทรวงศึกษาธิการในช่วงบ่าย และจะเคลื่อนขบวนมาสมทบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 2.กลุ่มผู้หญิงปลดแอก นัดชุมนุมบริเวณสี่แยกคอกวัวในเวลา 16.00-19.00 น. และ 3.กลุ่มราษฎร นัดชุมนุมจัดกิจกรรม Mob Fest บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 13.00-24.00 น. ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่แจ้งการชุมนุมกับตำรวจไว้แล้ว
รอง ผบช.น. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ดูแลตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าจนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ส่วนที่สอง เป็นกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ดูแลบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธปไตยจนถึงสะพานผ่านพิภพลีลา และส่วนที่สาม จัดเตรียมกำลังสำรองไว้เผื่อมีการชุมนุมเพิ่มเติมในพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ตำรวจมีความพร้อมในการถวายอารักขา และดูแลผู้ชุมนุม
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 พ.ย.นั้น แบ่งออกเป็น 2 คดี คือ คดีฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุม ของ สน.สำราญราษฎร์ มีผู้กระทำผิด 14 ราย และคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาด ของ สน.ชนะสงคราม มีผู้กระทำผิด 3 ราย
ส่วนกรณีที่มีการนำรถเมล์ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาใช้กีดขวางผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจไปได้หารือกับผู้อำนวยการ ขสมก.แล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าเสียหาย เพราะจะมีการฟ้องร้องจากผู้กระทำผิดเหมือนเมื่อครั้งที่มีการชุมนุมปิดสนามบิน