ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และ/หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ จากเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรและการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับมวลชนอีกฝายเมื่อวันที่ 17 พ.ย.63
ภาคีนักกฎหมายฯ ระบุว่า การชุมนุมหลายครั้งก่อนเหตุการณ์วันที่ 17 พ.ย.63 มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิสูจน์ทราบได้ว่าจะเกิดการทำร้ายร่างกายระหว่างที่มีการเผชิญหน้าของมวลชนทั้งสองกลุ่ม ซึ่ง ผบ.ตร. หรือ ผบช.น. สามารถออกคำสั่งให้มีการดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ณ จุดที่มีมวลชนทั้งสองฝ่ายปักหลักอยู่ ดังจะเห็นได้จากภาพข่าวที่สื่อมวลชนรายงาน ปรากฏชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวกั้นอยู่ระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมากลับมีการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจุดดังกล่าวจนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายในเวลาประมาณ 17.00 น.เศษ แต่ตำรวจก็ยังเพิกเฉย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าระงับเหตุ จนกระทั่งมีการปะทะกันอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.เศษ ทำให้ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรได้รับบาดเจ็บ และเป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากกระสุนปืนถึง 5 ราย
"ข้อเท็จจริงดังกล่าวถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และ/หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งท่านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ (18 พ.ย.63) จะมีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายในการป้องกันเหตุอันตราย โดยการจัดคำสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยในการชุมนุม หากท่านยังละเลยปล่อยให้มีการใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรงจนเกิดเหตุปะทะกันดังที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ย่อมเป็นการจงใจลิครอนเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนโดยอาศัยมวลชนอีกฝ่ายเป็นเครื่องมือใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความหวาดกลัว พฤติการณ์ของท่านดังกล่าวข้างต้น ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนจะได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์หรือฟ้องคดีอาญาท่านตามกฎหมายต่อไป" ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ระบุ