(เพิ่มเติม) กกต.เผยผลประชามติร่างรธน.ปี 50 ไม่เป็นทางการ เห็นชอบ 57.2%

          คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 อย่างไม่เป็นทางการ มีผู้เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 57.2% ซึ่งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ ส่วนใหญ่รับร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคะแนนลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญน้อยกว่ารับร่างฯ ส่วนผู้ที่ไม่เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 42.8%
          โดยมีผู้ออกมาใช้สิทธิครั้งนี้ 24.7 ล้่านคน คิดเป็น  53.9% ของผู้มีสิทธิทั้งหมด
          นายอภิชาติ สุขัดคานนท์  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)   ยอมรับว่าหากผลการออกเสียงประชามติมีความแตกต่างระหว่างผู้ใช้สิทธิเห็นชอบและไม่เห็นชอบไม่มาก  อาจเกิดปัญหาในเรื่องความชอบธรรมและอาจถูกกลุ่มที่แสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนำมาเป็นข้ออ้างและประเด็นในการเคลื่อนไหวในอนาคต  อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาบานปลายถึงขั้นไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
          "ผมก็ดีใจที่วันนี้ไม่มีเรื่องวุ่นวาย  และดีใจที่เห็นประชาชนออกมาใช้สิทธิมาก สบายใจที่มีผู้รับร่างฯเกินครึ่ง" นายอภิชาติ กล่าว 
          หลังจากนี้ กกต.จะมีการจัดประชุมพรุ่งนี้ และเตรียมการเลือกตั้งที่ได้เคยกำหนดกรอบเวลาไว้ ในวันที่ 16 ธ.ค. หรือ 23 ธ.ค.50
          นายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงขั้นตอนหลังจากที่รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ว่า เมื่อ ก.ก.ต. ทำการนับคะแนนเสร็จสิ้นลง ก็จะส่งผลการนับคะแนนและจำนวนผู้มาใช้สิทธิมาให้กับส.ส.ร. ในวันรุ่งขึ้น(20ส.ค.) เพื่อทำการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยทางก.ก.ต.ได้นัดหมายว่าจะส่งมาให้ประมาณ 17.00 น. ส.ส.ร.จึงนัดประชุมเวลา 18.00 น.ที่อาคารรัฐสภา หลังจากนั้นส.ส.ร.จะแจ้งผลไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)และส่งร่างรัฐธรรมนูญไปยังประธานสนช.เพื่อทำการทูลเกล้าฯต่อไป
          ขณะที่ 5 แกนนำกลุ่มแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตย (นปก.)รุ่น 2 ออกแถลงการณ์ ภายหลังทราบผลการนับคะแนนการลงประชามติอย่างไม่เป็นทางการว่า คะแนนเสียงส่วนมากเห็นกับร่างรัฐธรรมนูญ โดย นายเมทาพันธุ์ โพธิธีรโรจน์ ประธานแนวร่วม นปก.กล่าวว่า แม้การลงลงประชามติของประเทศไทยครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความไม่เสมอภาคไม่โปร่งใสของฝ่ายรัฐ 
          แต่เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนสู่ปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการดำรงอยู่ ของ คมช.กลุ่มแกนนำ นปก.จึงมีความเห็นร่วมกันว่า ขอยุติความเคลื่อนไหว การขับไล่เผด็จการไว้เป็นการชั่วคราวตั้งแต่บัดนี้ จนกว่าจะมีเหตุการณ์ใดที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ซึ่งในระหว่างนี้ นปก.จะติดตามสถานการณ์ของบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีการกระทำใดในลักษณะที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ นปก.ก็จะกลับมาเคลื่อนไหวทันที