หลังจากที่เมื่อคืนนี้ แกนนำกลุ่มราษฎรได้ประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ชุมนุมในวันนี้ ไปเป็นหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) สำนักงานใหญ่ สี่แยกรัชโยธิน ในเวลา 15.00 น. จากเดิมที่นัดหมายกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อจะเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำให้เมื่อช่วงเช้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน ต้องประกาศปิดทำการ 1 วันนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. บรรยากาศที่บริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สี่แยกรัชโยธิน มีการนำแผงรั้วเหล็กมาตั้งเป็นแนวกั้นบริเวณทางเข้าธนาคาร รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ตำรวจควบคุมฝูงชน และตำรวจตระเวณชายแดนมาประจำการแล้ว รวมทั้งมีการซักซ้อมแผนรับมือการชุมนุมด้วย ขณะที่การจราจร ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งอยู่ด้านหน้าธนาคารยังสามารถสัญจรได้ตามปกติ ไม่มีการนำเครื่องกีดขวางใดๆ มาปิดกั้น
อย่างไรก็ดี เจ้าของร้านค้าในพื้นที่เช่า ตลอดจนพนักงานธนาคารที่ได้เดินทางมาถึงตึก SCB Park แล้วตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะยังไม่ทราบข่าวการปิดชั่วคราวนั้น ขณะนี้ได้เริ่มทยอยออกจากอาคารและเดินทางกลับบ้านกันแล้ว
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวว่า ในวันนี้จากการประกาศผ่านสื่อโซเซียลของกลุ่มราษฎร แจ้งเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมเป็นธนาคารไทยพาณชย์ สำนักงานใหญ่นั้น ตำรวจนครบาลได้จัดกำลังเพิ่มเติมไปดูแลพื้นที่และจัดการจราจร บริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เพื่อให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดกำลัง โดยมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงพื้นที่บริเวณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ว่า เวลานี้ตามแผน บช.น.ยังต้องรักษาไว้อยู่ต่อไป แต่หากสถานการณ์ช่วงบ่ายเปลี่ยนแปลงไปตามที่ผู้ชุมนุมจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะปรับเปลี่ยนการสกัดกั้นอีกครั้งหนึ่ง
ขณะนี้ทาง พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ลงพื้นที่เพื่อไปดูสภาพสถานการณ์จริง และอาจมีแนวทางลดเครื่องกีดขวางบางเส้นทางในบางพื้นที่
พร้อมย้ำว่า การยกระดับการชุมนุม การรวมตัวในสถานที่สำคัญ การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่ม การทำลายทรัพย์สินราชการ ล้วนเป็นประเด็นที่ตำรวจจำเป็นต้องทำหน้าที่ การปิดการจราจรก็เป็นการระวังป้องกันและเป็นหน้าที่ของตำรวจเช่นเดียวกัน
"การทำลายทรัพย์สินราชการ เป็นเงินภาษีอากรของพวกเรา อยากให้ผู้ชุมนุมไม่ว่ากลุ่มไหน ลองช่วยกันพิจารณาว่าเกิดความเสียหายในภาพรวมและไม่เกิดผลดี สิ่งที่ท่านเรียกร้อง ตำรวจยืนยันทำตามหน้าที่เพื่อรักษากฎหมาย ขณะเดียวกันเป็นการรักษาความปลอดภัยทั้งผู้มาชุมนุมและบุคคลอื่นที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุม"
สำหรับวิธีการใช้แนวระวังป้องกันที่เปลี่ยนมาเป็นตูคอนเทนเนอร์นั้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า เป็นการใช้ประสบการณ์จากช่วงที่ผานมาที่ใช้รถแล้วถูกทำลาย ทำให้รถเสื่อมมูลค่า เป็นการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ไม่ใช่ถูกปฎิเสธความร่วมมือ โดยทาง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลการชุมนุมยังเป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง ส่วนกำลังทหารที่มาเพื่อระวังหน่วยงานของตนเอง เนื่องจากพื้นที่บริเณดังกล่าวกระทบที่ตั้งหน่วยทหารหลายจุด
"ไม่ใช่ทหารจะมาร่วมปฎิบัติการควบคุมฝูงชน เป็นเรื่องปฎิบัติการการระวังป้องกันสถานที่ของหน่วยทหารในพื้นที่ตนเอง...ทหารยังไม่ได้เข้ามาแสดงบทบาทตรงนี้ ถ้าเกิดสถานการณ์ยกระดับหรือกฎหมายเปลี่ยนแปลงไปก็ว่ากันอีกทีนึง"