(เพิ่มเติม) รัฐบาลเล็งต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จ.ชายแดนใต้อีก 3 เดือน สิ้นสุด 20 มี.ค.64

ข่าวการเมือง Monday December 14, 2020 12:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการพิจารณาการขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 เดือน ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี, อ.เบตง จ.ยะลา, อ.สุไหงโกลก อ.สุคิริน และ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63-30 มี.ค.64 จากเดิมที่จะสิ้นสุดการบังคับใช้ในวันที่ 19 ธ.ค.63 โดยจะสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง

นอกจากนี้ คาดว่าที่ประชุมฯ อาจมีการรายงานสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไทย และประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศด้วย

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเห็นชอบตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 เสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก 3 เดือน เป็นครั้งที่ 62 เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ที่ประชุมยังรับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วงวันที่ 20 ก.ย.-12 พ.ย.63 ซึ่งภาพรวมมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุร้ายมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ได้รับการดูแล ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมทั้งมีความเข้าใจในความจำเป็นของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยได้ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวพบว่าผู้ก่อเหตุความรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีสิ่งบอกเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงในรูปแบบต่างๆในพื้นที่ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ กอ.รมน.และ สมช.ร่วมกันจัดทำแผนการปรับลดพื้นที่ควบคุม เพื่อเตรียมรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ/สังคม และส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมกำชับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จะต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

รวมทั้งเน้นย้ำ สตช.และขอให้อัยการสูงสุดเร่งจัดตั้งสำนักงานคดีความมั่นคง ภาค 9 และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นธรรม รวดเร็ว เพื่อเป็นการป้องกัน/ป้องปราม ไม่ให้มีการก่อเหตุร้าย และช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เข้มงวดมาตรการป้องกันยาเสพติดในพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ