"สุวัจน์"ยันไม่ร่วมพรรคเพื่อแผ่นดิน ระบุนโยบาย-ชื่อพรรค-หน.ยังเลือนลาง

          นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ ระบุ ยังไม่มีความพร้อมจะเข้าร่วมแถลงข่าวในการรวมกลุ่มเพื่อจัดตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากกลุ่มชาติพัฒนา เห็นว่ายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนเพียงพอต่อการตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่ม ทั้งเรื่องนโยบายพรรค ชื่อพรรค รวมถึงบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรค
          อย่างไรก็ดี กลุ่มชาติพัฒนาได้หารือกันแล้วว่าในอนาคตหากมีข้อมูลที่สามารถพิจารณาได้ และมีแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการสมานฉันท์ก็ยังสามารถคุยกันได้ 
          ก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่มกรุงเทพ 50 พร้อมด้วยแกนนำกลุ่มมัชฌิมา แกนนำกลุ่มสมานฉันท์ ประกาศจะแถลงเจตนารมย์ร่วมกันในวันพรุ่งนี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 09.30 น. หลังจากที่ออกมายืนยันว่าการรวมกลุ่มทางการเมืองในขณะนี้มีความชัดเจนแล้วถึง 100% 
          นายสุวัจน์ ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงความเป็นไปได้ในการเกิดพรรคขั้วที่ 3 หากกลุ่มชาติพัฒนาไม่ยอมเข้ารวมกลุ่มทางการเมืองด้วยว่า คิดว่าวันนี้ทุกพรรคก็สามารถเป็นทางเลือกที่ 3 ได้ เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่ามีอยู่ 2 กลุ่มการเมืองคือ กลุ่มพลังประชาชน และกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ซึ่งหากมีกลุ่มการเมืองเกิดขึ้นใหม่ก็ต้องถือว่าเป็นทางเลือกที่เพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งขณะนี้ก็มีอยู่ 5-6 กลุ่ม ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้พรรคการเมืองกลุ่มต่างๆ ควรรวมกันเป็นพรรคใหม่น่าจะดีกว่า
          "คิดว่าเวลาเหลือน้อย ถ้ารอคอยกันนานๆ แล้วยังไม่สามารถรวมตัวกันให้ชัดเจน มันก็จะสับสน ทุกคนจะไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน หากสามารถพัฒนาให้เป็นพรรคการเมืองได้เร็วเท่าไร ก็เป็นเรื่องที่ดี ต่อไปหากเป็นพรรคการเมืองแล้วค่อยมาเจอะเจอกัน ถ้ามีนโยบายที่ไปด้วยกันได้ก็อาจไปร่วมกันภายหลัง" นายสุวัจน์ กล่าว
          ส่วนกระแสข่าวการทาบทามนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) มาเป็นหัวหน้าพรรคขั้วที่ 3 นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า หากนายศุภชัย ตัดสินใจเล่นการเมืองหรือมาเป็นผู้นำทางการเมือง กลุ่มชาติพัฒนาก็ให้การยอมรับ เพราะมองว่าสถานการณ์ของประเทศในวันนี้เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น เรื่องต่างประเทศ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการลงทุน แต่จะสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นหัวหน้าของกลุ่มการเมืองหลายๆ กลุ่มหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต
          อย่างไรก็ดี ตามสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน หากกลุ่มการเมืองยังไม่พัฒนาเป็นพรรคการเมือง ทุกคนก็จะลังเลไม่สามารถตัดสินใจได้ ทั้งนี้ประเมินว่าภาพความเป็นพรรคการเมืองของทุกกลุ่มต้องจบและจะมีความชัดเจนภายในเดือนนี้